สู้มานานถึง 7 ปี รัฐบาลรับทราบศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง อุทธรณ์ฟ้อง “นายกรัฐมนตรี-กพช.” ให้เพิกถอนมติ ครม. การปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมในนโยบายชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี ตั้งแต่รัฐบาลปี 2554
วันนี้ (30 ก.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.123/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.719/2560 ระหว่างสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สมาคมฯ ขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ซึ่งเห็นชอบมติ กพช.เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 เรื่องนโยบายการชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี โดยให้ทยอยปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี
โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2557 คณะรัฐมนตรีได้รับทราบตามที่สำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองเชียงใหม่ ในคดีหมายเลขดำที่ 194/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 509/2556 ระหว่างสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำพิพากษายกฟ้อง แต่ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำพิพากษา
มีรายงานว่า คดีนี้สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ได้ฟ้องเรื่องการปรับขึ้นราคาก๊าชแอลพีจี ภาคอุตสาหกรรม กับศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2554 เพื่อให้ศาลสั่งคุ้มครองการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี อย่างไม่เป็นธรรมในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศขึ้นราคาก๊าซในภาคอุตสาหกรรม 12 บาทต่อกิโลกรัม โดยขยับขึ้นไตรมาสละ 3 บาท จนครบ 4 ไตรมาส และได้ขยับขึ้น 3 บาทแรกแล้ว ทำให้ราคาก๊าซแอลพีจี อยู่ที่ 21.13 บาทต่อกิโลกรัม แต่ก๊าซในภาคครัวเรือน รัฐบาลไม่ประกาศขึ้น จึงทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม