“บิ๊กตู่” สั่งฝ่ายความมั่นคงเพิ่มกำลังตรวจเข้มพื้นที่เอกชน จุดเสี่ยงลักลอบผ่านแดน

“บิ๊กตู่” สั่งฝ่ายความมั่นคงออกมาตรการ-แนวปฏิบัติตาม ม.44 เข้มงวด “ผู้สัญจรผ่านชายแดน” เน้นตรวจตราอย่างเคร่งครัด ย้ำ “รถทุกคันต้องเปิดกระจก” ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร เน้นสุดๆ พื้นที่เอกชนจุดเสี่ยงลักลอบผ่านแดน ระบุให้ตรวจสอบพื้นที่เอกชนที่ไม่มีมาตรการด้านความมั่นคงรองรับ

วันนี้ (26 ก.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนหนังสือถึงหน่วยราชการทุกส่วนเพื่อแจ้งข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับบริเวณจุดผ่านแดนหรือตามแนวชายแดนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

1. ให้ฝ่ายความมั่นคง เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความเข้มงวดในการตรวจตราผู้สัญจรผ่านแดน โดยกำหนดมาตรการและแนวปฏิบัติให้ขัดเจน เคร่งครัด เช่น การกำหนดให้รถยนต์ที่ผ่านจุดตรวจต้องเปิดกระจกรถทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการตรวจสอบ จุดเสี่ยงที่อาจมีการลักลอบผ่านแดน โดยเฉพาะพื้นที่เอกชนที่ติดขายแดนที่อาจยังไม่มีมาตรการ ด้านความมั่นคงรองรับ ทั้งนี้ให้พิจารณาความจำเป็นในการใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 เพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบผ่านแดนดังกล่าวด้วย

2. ให้คณะกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ทั่วประเทศ พิจารณาความจำเป็นเหมาะสม และจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณจุดผ่านแดนหรือตามแนวชายแดนด้านต่างๆ ให้เพียงพอ ทั่วถึง รวมทั้งให้มีการตรวจสอบกล้อง CCTV ด้งกล่าว ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอด้วย

3. ให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินการเจรจากับฝ่ายมาเลเซีย เกี่ยวกับความเหมาะสมในการขยายเวลาการเปิดจุดผ่านแดน โดยในเบื้องด้นอาจเปิดจุดผ่านแดน 24 ชั่วโมง ให้เฉพาะการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เท่านั้น โดยให้กำหนดประเภทรถยนต์และวัตถุประสงค์ของการขนผ่าน ให้รัดกุมและขัดเจนด้วย ทั้งนี้ สำหรับการเดินทางของผู้สัญจรผ่านแดนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ เห็นควร ให้คงจำกัดเวลาไว้ตามเดิม