มท.1 เผยกรมที่ดินลงตรวจสอบป่าชุมชนห้วยเม็ก พบ ปชช.ค้านเอกชนใช้ที่แต่แรก มอบปลัดตั้งกก.สอบ แต่ยังเร็วไปที่จะสรุป ขรก.มีเอี่ยว สั่ง นอภ.อุบลรัตน์แจ้งความเอกชนอีกแห่งทำโรงงานคร่อมที่สาธารณะ พร้อมสั่ง ผวจ.ระยองพิจารณาเพิกถอน “ไออาร์พีซี” ใช้ที่สาธารณะ และให้เพิกถอนทุกพื้นที่ที่ถูกค้านทันที
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคำสั่งอนุมัติให้บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ ใช้ที่ดินสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนห้วยเม็ก จ.ขอนแก่น ว่าขณะนี้กรมที่ดินได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบในชั้นแรกพบว่า เรื่องนี้มีการคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่แรก และทราบว่าทางบริษัทฯ ได้ขอยกเลิกการขอใช้ที่ดินไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่า ทำไมจึงมีการเสนอเรื่องขึ้นมา ทั้งที่ในพื้นทีมมีประชาชนคัดค้าน โดยทั้งหมดต้องว่าไปตามกฎหมาย หากพบว่าทำผิดไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงในการพิจารณาต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนจะสรุปว่าข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ อาจจะเร็วไปหน่อยที่จะสรุปเรื่องนี้
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนยังได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ตรวจสอบการใช้ที่ดินในพื้นที่อื่นของ จ.ขอนแก่น ล่าสุดได้รับรายงานว่า นายอำเภออุบลรัตน์ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่งหลังจากพบว่ามีทำโรงงานปิดทางคร่อมระหว่างแปลงทับทางสาธารณะในพื้นที่ แต่ไม่ใช่พื้นที่บริเวณป่าชุมชนห้วยเม็ก เบื้องต้นบริษัทดังกล่าวได้รับทราบแล้ว และกระบวนการหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนหาความจริงต่อไป
ส่วนกรณีที่มีการคัดค้านการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่บ้านแลง จ.ระยอง รมว.มหาดไทยกล่าวว่า หลังจากได้ทำการตรวจสอบพบว่าเรื่องนี้เริ่มต้นมาหลายปี โดยประชาชนได้ไปร้องคัดค้านต่อศาลแล้ว ตนเองได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ในฐานะผู้อนุมัติได้ทำการพิจารณาเพิกถอนการใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่าทำไมจึงมีการเสนอเรื่องดังกล่าวขึ้นมา ทั้งที่ประชาชนในพื้นที่ได้ออกมาคัดค้าน
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ พิจารณาเพิกถอนการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะทันทีหากมีการคัดค้านจากมวลชน ได้กำชับต่อไปว่าหลังจากนี้ต้องให้ความสนใจในการขออนุญาตการใช้ที่ดินสาธารณะของภาคเอกชนเป็นพิเศษ ต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่าไม่มีการคัดค้านจากในพื้นที่ นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้มีการตรวจสอบย้อนหลังการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะของภาคเอกชนทั้งหมดว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้องก็ให้พิจารณาเพิกถอนทันที แต่เชื่อว่าภาคธุรกิจและการลงทุนอาจจะมีผลกระทบบ้าง