xs
xsm
sm
md
lg

คสช.เสื่อมจนหน้ามืด (ภาค 2) “บิ๊กตู่” ต้องพึ่ง “นักเลือกตั้ง” สร้างบรรยากาศ-เรียกเรตติ้ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


“..ถ้าประเทศยังไม่ปรองดอง ก็ไม่ต้องเลือกตั้ง..นายกฯ จะอยู่อีก 8 ปี 10 ปี ผมก็ไม่ว่า..” คือคำที่หล่นจากปาก ประภัตร โพธสุธน แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ “อวย” แบบหวานหยดย้อยต่อหน้า “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในระหว่างลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) เมื่อสัปดาห์ก่อน

น่าเหลือเชื่อว่า “นักเลือกตั้งตัวพ่อ” อย่าง “เฮียประภัตร” จะอำนวยชัยอวยพรให้ “นายกฯตู่” อยู่ต่อไปแบบยาวๆ ดูจะไม่รู้สึกรู้สาว่า คนที่ตัวเองประกาศสนับสนุนไปนั้น คือ “หัวหน้าคณะรัฐประหาร” ที่ทำให้ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ตกงานกันทั่วประเทศ “อดอยากปากแห้ง” กันถ้วนหน้า

แถมมีหน้าบอกอีกว่า “ไม่ปรองดอง ก็ไม่ต้องเลือกตั้ง” ที่เชื่อว่าหาก บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยยังมีชีวิต แล้วรู้ว่าไม่มีเลือกตั้งมา 3-4 ปี คงร้องลั่น "อั๊ยย๋า!! ซี้เลี้ยว อดอยากปากแห้งตายกันพอดี"

แง่หนึ่งอาจมองว่าด้วยความเก๋าเกมการเมือง “เฮียประภัตร” ก็เลยเลือกที่จะ “อยู่เป็น” รู้ชะตากรรมว่า คงไม่สามารถแหกกรอบที่ “ขุมข่าย คสช.” วางเอาไว้ผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 หรือกฎหมายลูกฉบับต่างๆ และในรูปแบบคณะกรรมการต่างๆนานา

ตามประสา “พรรคชาติไทย” ที่มีสมญานาม “ปลาไหลใส่สเก็ต” เป็นเครื่องการันตี

น่าสนใจที่ว่า “นายกฯตู่” ที่เคยโทษลมโทษฟ้า โทษปัญหาทุกอย่างที่แก้ไม่ตกมา 3 ปีกว่าว่าเป็นฝีมือของ “นักการเมือง” กลับต้องมาหลงใหลได้ปลื้มกับคำของ “นักการเมือง” ที่ตัวเองรังเกียจซะเหลือเกิน

"ผมฝากกับพี่ประภัตร ฝากกับท็อป ฝากกับ ปริศนานันทกุล ผมขอฝากความหวังไว้กับทุกคน เราจะต้องไม่ขัดแย้งกันอีก เราต้องเดินหน้าให้ได้ .. ส่วนตัวแล้วรักกัน รู้จักกันตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนตอนเป็นทหารทุกคนเมตตาผมหมด ไม่มีใครเป็นศัตรูผมเลย” คือคำตอบรับไมตรีของ “นายกฯตู่” กับบรรดานักการเมืองที่เรียงหน้าสลอนมาเชียร์

แว่วว่าฉากที่ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย “ลูกท๊อป” วราวุธ ศิลปอาชา ทายาท “หลงจู๊บรรหาร” อดีตนายกฯผู้ล่วงลับ “หนุ่มแชมป์-หนุ่มแบด” กรวีร์-ภราดร ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง ทายาท สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รวมทั้งกลุ่มอดีต ส.ส.สุพรรณบุรี และนายประภัตร มาให้การต้อนรับ “นายกฯประยุทธ์” ในโอกาสลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจร นั้น เบื้องลึกเบื้องหลังมาจากการรังสรรค์ของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ“ขงเบ้งเศรษฐกิจ”ประจำรัฐบาลท็อปบูต นี่เอง

เป็น “เฮียกวง” ที่ชงให้มีการจัดฉากซ่อนในอีเวนต์ ครม.สัญจร ที่ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาว่า ควรให้มี “นักเลือกตั้ง-นักการเมืองท้องถิ่น” มาประกอบฉากด้วย เพื่อพ่วงหัวคะแนน-ชาวบ้าน มาเชียร์รัฐบาล เสนอไว้ตั้งแต่หนก่อนที่ “เมืองย่าโม” จ.นครราชสีมา แต่รอบนั้นผิดคิว ประสานกระชั้นชิดเลยไม่มีฉากอวยหวานเจี๊ยบแบบที่เมืองสุพรรณฯ

ซึ่ง “นายกฯตู่” ที่ด่านักการเมืองไม่เว้นวันมาตลอด 3 ปี ก็เห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วย

เหตุที่ “นายกฯตู่” ผู้เกรี้ยวกราด โอนอ่อนผ่อนตาม และต้องมาอาศัย “ตัวช่วย” อย่าง “นักการเมือง - นักเลือกตั้ง” เช่นนี้ ก็เพราะ “คสช.เสื่อมจนหน้ามืด” ซึ่งมีบทความไล่เรียงไว้แล้วใน “ผู้จัดการสุดสัปดาห์” เล่มก่อน ที่จัดไปว่า เมื่อความเสื่อมมาเยือน คสช.ก็คล้ายกับคนจมน้ำ ไขว่คว้าทุกอย่างที่คว้าได้เพื่อเอาตัวรอด เป็นช่องให้ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตคนหัวเน่า ได้โอกาสรีเทิร์นมาเป็น “ม้าใช้ คสช.”

แต่ “กำนันเทือก” ก็หาใช่คำตอบสุดท้ายที่จะนำพา “เรือแป๊ะ คสช.” ล่องไปตลอดรอดฝั่ง ดังนั้น “บิ๊ก คสช.” จึงต้องไขว่คว้าทุกสิ่งอันที่ขวางหน้า ตะเกียกตะกายให้ถึงฝั่งให้ได้

หลายปัจจัยเหลือเกินที่ทำให้ “รัฐบาล คสช.” ที่เคยพีคสุดๆเมื่อครั้งเข้ามาโค่น “รัฐบาลปู” ต้องมีชะตากรรมไม่ต่างจากฝ่ายบริหารที่ตัวเองใช้รถถังตะเพิดออกไป

ทั้งในแง่การเมือง ที่เลี้ยงปัญหาไว้จนเป็นแผลพุพองรอวันปะทุ อย่างกรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สุดท้ายต้องเปิดทางให้หนี แต่ก็ถูกอ่านเกมออกโดยง่าย จนเสียหายทั้ง 2 ฝั่ง เป็นละครการเมืองที่สร้างความสะอิดสะเอียนให้ทั้ง “เสื้อเหลือง - เสื้อแดง” กระทั่ง “สลิ่ม” ที่ร้อยทั้งร้อยเคยเป็น “ติ่งลุงตู่” ยังขอบายไม่เอาด้วยแล้ว

ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ชาวบ้านร้านตลาดบ่นระงม ธรรมดาก็หากินลำบากในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ยังมาเจอปัญหาเดิมๆอย่าง “ส่วย” ที่มีแทบทุกวงการ จากที่เคยจ่ายให้ “เจ้าประจำ” แบบจำใจ ยังจะมามี “เจ้าใหม่” ที่มาด้วย “เครื่องแบบสีเขียว” ตั้งตัวแบกต่างหากขึ้นมาเป็นอีกสาย ไม่ว่าธุรกิจบนดิน-ใต้ดิน โดยกันถ้วนทั่ว แถมทุบหนักกว่า “เจ้าประจำ” เสียอีก

กระทั่ง “ข้าราชการ” ที่ได้รับการจุนเจือในเรื่องรายได้-สวัสดิการเพิ่มขึ้น เพื่อหมายมั่นว่าจะสร้าง “รัฐข้าราชการ” เป็นฐานสืบทอดอำนาจของ “ขุนทหาร คสช.” ก็ยังโอดโอยไม่แพ้กัน กับกระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายที่ทำลายธรรมาภิบาลจนป่นปี้ “เด็กเส้น - เด็กนาย” เดินกันยั้วเยี้ยไปหมด

ไม่เท่านั้นในเรื่องการใช้อำนาจที่มี “ล้นฟ้า-ครอบจักรวาล” ก็เป็นไปในทางที่มุ่งแต่เอื้อพวกพ้อง อย่างการใช้มาตรา 44 เพื่องดทำอีไอเอ-ปลดล็อกผังเมือง เปิดทาง “โรงไฟฟ้าพลังขยะ” โครงการเรือธงของ “กระทรวงมหาดไทย” หรือการใช้มาตรา 44 ในเรื่อเล็กน้อยยิบย่อยแบบไม่น่าใช้ พอใช้ในเรื่องใหญ่ๆ ก็ออกไปในลักษณะ “บ้องตื้น” แก้ปัญหาไม่ได้อย่างไม่น่าให้อภัย ทั้งเรื่องการค้ามนุษย์ (ไอยูยู) หรือปัญหาการบิน (ไอเคโอ) ที่ยังวนเวียนอยู่ในอ่าง

ขณะที่ตัว “ลุงตู่” ที่เคยพก “คะแนนนิยมส่วนตัว” มาเต็มกระบุง จนเคยมีกระแส “ลุงตู่ฟีเวอร์” ทำอะไรก็ดูดีไปหมด กลับใช้คะแนนนิยมอย่างเรี่ยราด ในการอุ้มสม “พี่ชายร่วมก๊วน 3 ป.” ทั้ง “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ “ป.ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในทุกๆเรื่อง แถมประกาศขออยู่ด้วยกันทั้งชาติ จนตัวเองก็ทำท่าจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน

ที่ไล่เรียงมาทั้งหมดก็สะท้อนออกมาจากท่าทีในช่วงนี้ของ “พี่น้อง 3 ป.” เกิดนัดกัน “อารมณ์บ่จอย” ในเวลาที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยพร้อมเพรียงกัน ราวกับนัดหมายกันมา

สัมผัสได้ถึง “ความเสื่อม” ผ่านสีหน้า-แววตา คำพูดมึงมาพาโวย กลบเกลื่อนทุกปมด้านลบของ “พี่น้อง 3 ป.” อย่างเห็นได้ชัด.
กำลังโหลดความคิดเห็น