ข่าวปนคน คนปนข่าว
** สัตยาบันลอนดอน!? โถ.. “ป๋าป้อม”ถึงกับบินล่วงหน้าไปหา แล้วส่งลูกน้องออกมาเฉไฉ แต่เจอเหลี่ยม“ทักษิณ”ใช้ IG ปักหมุดกรุงลอนดอน แบล็กเมล์ประกาศ“ดีลชินสุวรรณ”อย่างเป็นทางการ
ชะอุ้ย!! มีความบังเอิญขั้นสุด .. ก็ดักคอไปล่วงหน้าแล้วว่า ภารกิจไปเยือนประเทศอังกฤษเมื่อสัปดาห์ก่อนของ“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงในฐานะ “พี่ใหญ่ คสช.”นอกเหนือจาก “ภารกิจอย่างเป็นทางการ”ไปเจรจาความเมืองด้านความร่วมมือทางทหาร พร้อมโฉบไปชมงานแฟร์ขายอาวุธ ที่ต้องไปทุกปีแล้ว .. ก็ยัง (น่าจะ) มี“ภารกิจพิเศษ”ในการพบปะกับ “ใครบางคน”อีกด้วย ตามกระแสข่าวที่ว่า “พี่ษิณ”ทักษิณ ชินวัตร ได้พา“น้องปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากบดานอยู่ที่เมืองผู้ดี และกำลังพยายามทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองกับทางการประเทศอังกฤษอยู่ด้วย .. สำทับกับข้อมูลที่ว่า“ป๋าป้อม”บินเดี่ยว“เป็นการส่วนตัว”
ไปยังมหานครลอนดอน ตั้งแต่กลางดึกวั นที่ 11 ก.ย. “โดยไม่ระบุเหตุผล” ล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนที่คณะของ “บิ๊กช้าง”พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม จะบินตามไปสมทบในวันถัดมา .. อย่าลืมว่าที่ “บิ๊กช้าง”ต้องออกเดินทางไปช่วงเที่ยงของวันที่ 12 ก.ย. ก็เพราะติดประชุมร่วม“ครม.-คสช.”ที่บรรดาผู้นำเหล่าทัพล้วนแล้วแต่ก็เป็น “สมาชิก คสช.”ต้องเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงในช่วงเช้าวันเดียวกัน .. ทว่า“ท่านประธานคณะที่ปรึกษา คสช.”อย่าง “ป๋าป้อม”กลับเทประชุมไปซะนี่
เพราะรู้อยู่ว่าถูกจับตามองว่ามี“นัดพิเศษ”ทั้งก่อนและหลังเดินทางกลับมา ก็เลยมี“เด็กป๋าป้อม”เรียงหน้าออกมาปฏิเสธพัลวันว่า ไม่มีการพบปะกับ “ทักษิณ”อย่างแน่นอน .. รายของลูกรักอย่าง“เสธ.ต้อง”ว่าที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ บอกว่า เป็นเรื่องที่มโนกันเอง ภารกิจแน่นเอี้ยด อีกทั้งไม่มีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องพบ “ทักษิณ” ..ฝ่ายหนึ่งพยายามปัดป้องว่า ไม่ได้นัดพบกัน แต่อีกฝ่าย“กระทาชายนายแม้ว”กลับ “ตั้งใจ”ประกาศว่า ตัวเองก็อยู่ในกรุงลอนดอน ช่วงเวลาเดียวกับที่ “ท่านประวิตร”อยู่ที่นั่นแหละ .. ก็จู่ๆ“ลูกเอม”พินทองทา ชินวัตร ก็โพสต์ IG ภาพครอบครัวปักหมุดอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมี“พ่อแม้ว”ร่วมเฟรมอยู่ด้วย .. ถอดรหัสความบังเอิญแล้ว ก็คงต้องบอกว่า หากมีการพบกันจริง ทางฝ่าย“ทักษิณ”ก็จงใจที่จะ “แบล็กเมล์”ให้คนรู้ว่า มีการพบกันระหว่าง“บุคคลระดับนำ”ของระบอบแม้ว กับ คสช. .. อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณมาถึงประเทศไทยด้วยว่า ขณะนี้“ระดับบิ๊กบอส”ได้ “จูบปาก”กันอย่างสมานฉันท์แล้ว และอาจจะถือเป็นการประกาศสัตยาบัน และยืนยันว่า “ดีลชินสุวรรณ”มันมีอยู่จริง .. สัญญาณที่ส่งออกมาทางหนึ่ง ก็เพื่อให้คนที่คิดจะขวางดีล อย่าง“กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ริจะตั้งพรรคการเมืองหนุนหลัง คสช. รู้ว่าอะไร เป็นอะไร .. รวมทั้งยังส่งไปถึง“เจ้าหน้าที่รัฐ”ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับคดีของ“คนตระกูลชินวัตร”โดยเฉพาะบทบาทของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เกี่ยวกับชะตากรรมของ “ลูกโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ที่คอพาดเขียง เผชิญวิบากกรรม“เงินปากถุง”คดีเงินกู้กรุงไทย-กฤษฎานคร จนดิ้นพล่านอยู่ในตอนนี้.
** เสือเงียบ แห่ง คสช.!! ฟาดเรียบ“เรือเหาะ - รถถัง-ไม่ล้างป่าช้า”เรื่องขยะๆ เมกะโปรเจกต์ 2 หมื่นล้าน ก็ฟาดไม่เหลือ
นาทีนี้คงไม่มีใครร้อนแรงเท่า “พี่รอง คสช.”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ทั้งเรื่องยกป่าให้นายทุน มาจนถึงคดีเก่า "เรือเหาะบุโรทั่ง" ที่ทาง กองทัพบก สั่งปลดระวางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. ยิ่งเมื่อกางข้อมูลอดีต-ปัจจุบัน ก็พบว่า “บิ๊กป๊อก”มักมีชื่อไปพัวพันกับโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ที่ไม่โปร่งใสหลายรายการ .. แต่ด้วยความไม่เคยถูกตรวจสอบอย่างเป็นเรื่อง เป็นราว จึงเอาตัวรอดปลอดภัยจนมาเป็น "คีย์แมน คสช." ได้ในปัจจุบัน .. จนเคยได้รับสมญานาม“เสือเงียบ ฟาดเรียบ”ที่นิตยสารผู้จัดการสุดสัปดาห์ ภูมิใจมอบให้มาแล้ว .. ไล่ตั้งแต่การจัดซื้อ“ไม้ล่างป่าช้า GT200” ที่แม้จะซื้อกันหลายหน่วยงาน หลายวาระ แต่ ทบ.ยุค “บิ๊กป๊อก”ก็ฟาดไปหลายร้อยเครื่อง งบประมาณเกือบ 7 ร้อยล้านบาท .. ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น ก็โดนจับได้ว่ามันใช้การไม่ได้ .. จนเมื่อไม่นานมานี้ ศาลประเทศอังกฤษ ก็เพิ่งมีคำสั่งยึดทรัพย์ผู้ขาย GT200 โทษฐานจำหน่ายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดปลอม .. แต่“รัฐบาล คสช.”ที่ประกาศปราบโกงเป็นวาระแห่งชาติ ก็ทำนิ่ง เหตุเพราะรู้ว่า เรื่องมันจะเข้าตัว ..
ต่อมาก็เป็น“เรือเหาะบุโรทั่ง”ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง จนที่สุดถูกจำหน่ายทิ้งก่อนเวลาอันควร .. แล้วก็ยังมียานยนต์หุ้มเกราะล้อยาง Oplot-M จากประเทศยูเครน หรือ“รถถังยูเครน”ที่ใช้งบประมาณ กว่า 7.2 พันล้านบาท ตามแผนจัดการรถถังรุ่นใหม่ จำนวน 200 คัน .. แต่ทางผู้ขายไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด อีกทั้งในส่วนที่ได้รับการส่งมอบมาแล้ว ก็เสื่อมสภาพใช้งานไม่ได้ ซึ่งคาดว่ามีสาเหตุก็มาจากการจัดซื้อที่ไม่โปร่งใสนั่นเอง
เดี๋ยวจะหาว่าจับจด เรื่องเก่าแล้วไปแล้ว เพราะที่น่าสนใจกว่านั้นก็เรื่องปัจจุบันที่พัวพันไปถึงอนาคต .. ด้วยตำแหน่งของ“บิ๊กป๊อก”ที่ได้ดูแลกระทรวงเกรดเอ อย่าง “กระทรวงมหาดไทย”ที่มีภารกิจในการกำกับดูแลหน่วยงานบริหารท้องถิ่นทั่วประเทศ .. แต่งานหนึ่งที่ “บิ๊กป๊อก”ดูจะให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษ ก็คือการบริหารจัดการขยะ .. ที่ “บิ๊กตู่”เคยกล่าวไว้ในหลายครั้งว่าเป็น“วาระแห่งชาติ” โดยรัฐบาล คสช. มีประกาศ-คำสั่ง อีกหลายครั้งของรัฐบาลชุดนี้ที่ถูกมองว่า“เอื้อ”กับ “ภารกิจขยะ”ของ “บิ๊กป๊อก”.. ทั้งประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ยกเว้นโรงไฟฟ้าพลังขยะ ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม(EIA) และ “บิ๊กตู่”ถึงขนาดเคยใช้อำนาจ ม.44 ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมือง กับโรงไฟฟ้าทุกประเภท รวมถึงโรงไฟฟ้าขยะด้วย ..
กระทรวงมหาดไทยเอง ก็เคยเสนอตั้งงบประมาณปีละ 3 พันล้านบาท สำหรับการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน บริหารจัดการขยะ รวมแล้วมีการเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้ถึง 2 หมื่นล้านบาท .. โดยมีข่าวลือเมาต์กันให้แซ่ดว่า มี “เอกชน”ที่เป็นเครือข่ายวงศ์วานของ “บิ๊ก คสช.”เข้ายึดแผงการลงทุนในกิจการจัดการขยะและโรงไฟฟ้าพลังขยะทั่วประเทศ ของรัฐบาล คสช. เรียบร้อยแล้ว .. เป็นอีกโปรเจกต์ ที่ "เสือเงียบฟาดเรียบ" มาแล้ว แถมเม็ดเงินมหาศาลยิ่งกว่าไปรอเงินทอนจัดซื้ออาวุธเสียอีก.. ทำเอาเรื่อง "เรือเหี่ยว-ไม้ล้างป่าช้า" จิ๊บๆ ไปเลย ก็โปรเจกต์ใหญ่ที่ "พี่เสือเงียบ" เขา "ฟาดเรียบ" ที่แท้คือ โรงไฟฟ้าขยะ ที่ผลประโยชน์อื้ออึง กว่าเป็นร้อยเท่านี่เอง
** ใบเสร็จมันชัด!!“พี่ป๊อก”ปัดสวะไม่พ้นตัว ทั้งปม“ป่ากระทิงแดง”ที่ลายเซ็นต์โชว์หราในหนังสืออนุมัติ แถมเจอพิษลูกรัก“เรือเหี่ยว”ที่จัดซื้อช่วงเป็น ผบ.ทบ.ตามมาหลอนอีก
คติประจำใจของเหล่าทหารหาญที่ว่า “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน”อาจจะใช้ไม่ได้กับ “ทหารใหญ่บางคน”หรือพูดให้ถูก ก็อาจจะใช้ไม่ได้ในช่วงเวลาที่จวนตัว .. เห็นชัดๆ กับช่วงมรสุมของ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รองแห่ง คสช. เผชิญกับทั้งปมฮุบป่าให้“กลุ่มทุนใหญ่”ที่ จ.ขอนแก่น .. ที่เจ้าตัวเล่นบทพลิ้ว ประกาศว่า หากมีประชาชนแม้แต่คนเดียวไม่เห็นด้วย ก็จะดำเนินการเพิกถอนคำสั่งทันที .. แต่ก็โยนไปว่า เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ ทั้งๆ ที่ลายเซ็นต์ตัวเองโชว์หราอยู่ในหนังสืออนุมัติ .. ถือเป็นใบเสร็จมัดแน่น ที่บ่งชี้ว่า“ความผิดสำเร็จแล้ว”..แถม “ท่าน มท.ป๊อก”ยังมีหน้ามาโชว์ความโปร่งใสว่า เป็นเรื่องที่“ระดับล่าง” ชงขึ้นมา แบบข้อมูลไม่รอบด้าน เมื่อผิดพลาดก็ต้องหาคนทำผิดมาลงโทษวินัย-อาญา ย้ำอีกหน “ทั้งๆที่ลายเซ็นต์ตัวเองโชว์หราอยู่ในหนังสืออนุมัติ”น่ะนะ .. ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ “บริษัทกลุ่มกระทิงแดง”ได้ส่งหนังสือถึง จ.ขอนแก่น แสดงเจตจำนงยกเลิกเช่าพื้นที่ป่าสาธารณะห้วยเม็ก บ้านหนองแต้ ต.บ้านดง อ.เขื่อนอุบลรัตน์ เนื้อที่ 31-2-63 ไร่ อย่างเป็นทางการ ก็ยิ่งตอกย้ำว่า เรื่องนี้ “ไม่ชอบมาพากล”..คำถามมีว่า ทำไมถึงเพิ่งมายอมถอยง่ายๆ ทั้งที่มีการคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่มาตลอด ก็สะท้อนว่า กระบวนการมันผิดปกติ .. ดีนะที่เป็นยุค“รัฐบาลทหาร”มีอำนาจรัฐฏาธิปัตย์แบบนี้ ถ้าเกิดในยุค“รัฐบาลเลือกตั้ง”เรื่องแบบนี้ไม่ต้องถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เก็บกระเป๋าลาออก-ยุบสภา ไปได้เลย
แล้วในระหว่างที่ “บิ๊กป๊อก”กำลังเมาหมัด “ป่ากระทิงแดง”ก็ต้องมาเจอหมัดชุด จากกรณีที่ กองทัพบกปลดระวางการใช้งาน“เรือเหาะตรวจการณ์” เนื่องจาก หมดอายุใช้งาน .. เป็นเรือเหาะตรวจการณ์รุ่น แอโรส์ (Aeros)40D S/N 21 (SKY DRAGON) ที่จัดซื้อมาจาก บริษัท Arial International Cooperation ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยวงเงินงบประมาณรวม 350 ล้านบาท .. ที่สำคัญ จัดซื้อในช่วงที่ ผบ.ทบ. นามว่า “อนุพงษ์ เผ่าจินดา”นั่นเอง .. ด้วยความไร้ประสิทธิภาพตั้งแต่ได้รับสินค้ามาจนปลดระวางไปด้วยอายุราว 8 ปีของ “เรือเหาะ-เรือเหี่ยว”ลำนี้ ทำให้กลายเป็นโลโก้ปะบนหน้าผากของ“บิ๊กป๊อก”มาโดยตลอด ในเรื่องการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไร้คุณภาพ ควบคู่กับ “ไม้ล้างป่าช้า GT200”.. ซึ่งก็ตามมาด้วยคำถามเรื่องความโปร่งใส หรือการทุจริต คอร์รัปชัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ด้วย “อภินิหาร”ในหลายๆ ยุค ที่ไม่ว่าสอบคราใดทั้ง“เรือเหี่ยว” หรือ “ไม้ล้างป่าช้า”ก็หาคนผิดมาลงโทษไม่ได้ ทั้งที่ประเทศเสียงบประมาณไปเปล่าๆปลี้ๆ .. เมื่อถึงคราวปลดระวาง คำถามเรื่องประสิทธิภาพความไม่คุ้มค่าของ“เรือเหาะ”ก็ย้อนกลับมาถึง “ผู้ให้กำเนิด”อย่าง “ท่านอนุพงษ์”ที่ตอบแบบ “ชายชาติทหาร”ว่า “แม้การจัดซื้อจะเกิดขึ้นในสมัยที่ผมเป็น ผบ.ทบ. แต่หากจะตรวจสอบเรื่องการทุจริต ก็ต้องดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง ทั้งการรับของ การทำสัญญา รวมถึงผู้ใช้งาน ซึ่งผมพ้นจากตำแหน่งนานแล้ว จึงบอกไม่ได้ .. เพราะช่วงการจัดซื้อ ผมไม่ได้เป็นผู้พิจารณาโดยตรง ฉะนั้น จะต้องตรวจหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จะตรวจสอบเฉพาะเกิดในสมัยผมอย่างเดียวไม่ได้" .. นี่คือคำตอบของ “นายพลเอกแห่งหองทัพไทย” ที่ด้านหนึ่งก็ยอมรับความไม่ได้เรื่องของ “เรือเหาะ” แต่อีกด้านก็ตะแบงท่าเดียวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง ต้องไปเอาผิดเจ้าหน้าที่เหมือนกันกับปม “ป่ากระทิงแดง” ..
นอกจากนี้ เรื่อง“เรือเหี่ยวบุโรทั่ง”ยังมีข้อมูลว่าเมื่อครั้งที่เรือเหาะเข้าประจำการ ณ โรงจอดภายในหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กองพลทหารราบที่ 15 (พล ร.15) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นั้น “บิ๊กป๊อก”ผบ.ทบ.ในขณะนั้นประคบประหงมราวกับ “ลูกรัก”ลงพื้นที่เพื่อติดตามความพร้อมของเรือเหาะด้วยตนเองหลายครั้ง .. และทั้งๆ ที่คณะกรรมการตรวจรับของ ทบ. พบว่า เรือเหาะบินได้ไม่เท่ากับสเปกที่กำหนด ซึ่งไม่พ้นจากระยะยิงภาคพื้น และปัญหาอื่นๆ อีกเพียบ แต่ก็มี“คำสั่ง”ให้ลงนามรับมอบของ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. อิหรอบนี้มันต้องไล่เบี้ย“ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า”คณะกรรมการตรวจรับมากกว่านะ .. ท่านพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา .
ช.ชฎา