“ประยุทธ์” ลั่นเข้ามาเพื่อปรองดอง เว้นกับคนไม่อยากปรองดองด้วย พร้อมขอพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ปฏิรูปคืนเกียรติศักดิ์ศรีให้ประเทศ อย่าให้ใครบิดเบือน สร้างความแตกแยกอีก ย้ำมุ่งมั่นคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จนท.ทำผิดเองลงโทษหนัก
วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษในงานเตรียมความพร้อมก่อนการประกาศวาระแห่งชาติ “สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยมีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมงาน
นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องหาวิธีการทำงานร่วมกันให้ได้เพื่อให้ไม่มีความขัดแย้งกัน ส่วนใหญ่คนเรามักเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกเสมอ แต่ตนไม่คิดว่าตัวเองถูกตนจะฟังก่อนเสมอ บางครั้งอาจจะเร็วไปบ้าง จากนั้นตนก็จะมาทบทวน อันไหนใช่ไม่ใช่ก็มาทบทวนและปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่ว่าตนโลเล แต่เราต้องลดปัญหาให้ได้ก่อน บางคนชอบอะไรแรงๆ ขอถามว่าแรงแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ขอให้กฎหมายเขาได้ทำงาน ตนมีหน้าที่บริหารและรักษาความสงบเรียบร้อย ทำให้บ้านเมืองเกิดความสันติสุขและสร้างบรรยากาศในการปรองดอง เว้นบางคนที่ไม่อยากปรองดองก็ปล่อยเขาไป ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุไว้ว่าศักดิ์ศรี สิทธิเสรี และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง หน้าที่ของทุกคนคือต้องคุ้มครองเขาด้วย เป็นการคุ้มครองทุกคน เป็นหน้าที่ของทุกคนไม่ใช่ของตนคนเดียว อะไรก็ประยุทธ์อย่างเดียวก็ไม่ใช่ ตนเป็นผู้นำในการบริหารและแก้ไขปัญหา ตนไม่ใช่ผู้นำเรื่อยเปื่อยส่งเดช
“ประเทศไทยอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ หลายคนบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ให้อยู่ได้ ถึงแม้ผมจะมาแบบนี้ยังอยู่ไม่ได้เลย ไม่ใช่อยู่ไม่ได้เพราะกลัว แต่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยใช้เวลาที่เป็นวิกฤตที่ผมเข้ามาทำเป็นโอกาสให้ได้ ผมเข้ามาเพราะสถานถานการณ์วิกฤต และการทำงานของผมท่ามกลางวิกฤตต่างๆ ทั้งหมด แต่ทุกคนบางทีไม่เข้าใจ ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย และจะเกิดอะไรขึ้นอีกไหม และที่สำคัญที่สุดต้องใช้วิกฤตตรงนี้เป็นโอกาสให้มากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ปฏิรูปของเราให้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี เป็นศักดิ์ศรีของประเทศไทยและอาเซียน” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องคำนึกถึงเรื่องสิทธิมนุษย์ชน ทั้งเรื่องของการค้ามนุษย์ ไอยูยู การละเมิดสิทธิไม่ดูแลแรงงาน เหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น ตนได้สั่งการไปชัดเจนต้องลงโทษ เหลืออย่างเดียวตนลงไปตรวจโรงงานด้วยตัวเอง ทุกอย่างต้องผ่านขั้นตอนของทุกคน ทุกกระทรวง ใครผิดต้องถูกลงโทษ ถ้าเจ้าหน้าที่ผิดต้องลงโทษสถานหนัก ผู้ประกอบการรายใหญ่ผิดก็คือผิด ไม่ใช่จับรายเล็กแล้วรายใหญ่ไม่จับ ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างเต็มที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพราะเราต้องการสร้างความมุ่งมั่นส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิมยนุษยชนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาประเทศ แต่ขณะเดียวกันอย่าเอาสิ่งเหล่านั้นมากดดันเรามากนักจนเราทำอะไรไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องไม่ให้เอาเรื่องเหล่านี้มาบิดเบือน สร้างความแตกแยกขึ้นในสังคมไทยได้อีก เราต้องคำนึงถึงประชาชนมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด เพราะถ้ายุ่งกันทั้งหมดทุกเรื่องประชาชนไม่ได้อะไรสักอย่าง ที่พูดกันทุกวันนี้จริงๆ ประชาชนไม่ได้พูด เวลาต่างก้มหน้าหาเงินท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีปัญหา เศรษฐกิจภายใน เศรษฐกิจโลกก็มีปัญหา อย่างเรื่องของค่าเงิน และนโยบายต่างๆ โดยที่ไม่ใช่เวลานี้ขายอะไรราคาตกแล้วรัฐบาลต้องช่วย แต่ช่วยได้แค่ไหนก็ช่วยเต็มที่ เพราะฉะนั้นจะทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ต้องปฏิรูปทั้งระบบ สิ่งสำคัญสุดคือความคิดและความเข้าใจที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และความสุจริต เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปให้ได้