xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : โอ๊คร้องอ๊าค!! “พานทองแท้” พล่าน ใกล้ขึ้นเขียง “คดีฟอกเงินกรุงไทย” แก้ต่างผ่าน “เพจดัง” แถมขู่ฟ่อเล่นงาน “บิ๊กดีเอสไอ-อัยการ” เรียงตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

 พานทองแท้ ชินวัตร และ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง
ข่าวปนคน คนปนข่าว




** โอ๊คร้องอ๊าค!! “พานทองแท้” พล่าน ใกล้ขึ้นเขียง “คดีฟอกเงินกรุงไทย” แก้ต่างผ่าน “เพจดัง” แถมขู่ฟ่อเล่นงาน “บิ๊กดีเอสไอ - อัยการ” เรียงตัว

มันก็จะร้อนๆ หน่อย .. เมื่อกรรมเก่า “คดีปล่อยกู้กรุงไทย” ของ “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ “พ่อแม้ว” ทักษิณ ชินวัตร .. เป็นเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” หรือ “เพจกู” ซึ่งที่ผ่านมานอกจากจะด่า คสช. ด่าประชาธิปัตย์ ก็ยังชอบอ้าง “ข้อมูลอินไซด์” หมิ่นเหม่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด .. ล่าสุด มาออกตัวแรง สวมบท “องครักษ์พิทักษ์โอ๊ค” อย่างเป็นทางการ โพสต์รัวๆ ดักคอ “ดีเอสไอ - อัยการ” ที่กำลังเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้อง “ลูกโอ๊ค” ในคดีปล่อยกู้กรุงไทย .. โดยเน้นในประเด็นว่ามี “ธง” สั่งให้เล่นงาน “พานทองแท้” และมีการแทรกแซงกระบวนการสอบสวน .. ไม่เท่านั้นยังโยงใยแบบหว่านแห ว่า หาก “โอ๊ค” ผิด คนนู้นคนนี้ก็ต้องผิดไปด้วย ลากไปถึงกรณีการขายที่ดิน 600 ล้านของ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าก็เข้าข่าย “เงินปากถุง” จาก “ทุนใหญ่” เหมือนกัน ..อ่านไปอ่านมา ด้วยข้อความที่ร้อนรนชอบกล จนลืมตัวไป นึกว่าอ่านจากเพจของ “พานทองแท้” เองด้วยซ้ำ ..

ย้ำหลายครั้งแล้วว่าการดำเนินคดีกับ “โอ๊คอ๊าค” ในคดีกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร ล่าช้าแบบ “ผิดปกติ” จนลือกันกระหึ่มว่าเป็นออปชั่นสำคัญใน “ดีลชินสุวรรณ” ที่ “บิ๊ก คสช.- ระบอบทักษิณ” สมยอมเกี้ยเซี้ยกัน .. โดยมีชนักปักหลัง “ลูกโอ๊ค” ไว้ในฐานะ “เชลยศึก” ประมาณว่าจะหยิบมาเชือดเมื่อไรก็ได้ .. นอกเหนือจากผู้เกี่ยวข้องระดับสูงหลายรายต้องเรียงแถวกันต้องคำพิพากษาไปจำคุกอยู่ในศาลแล้ว ก็ยังมีหลักฐานขี้ชัดว่า “พานทองแท้” ร่วมรับประโยชน์จากการปล่อยกู้ให้กับบริษัทลูกของ กฤษดามหานคร ในวงเงินร่วม 9,900 ล้านบาทเศษในครั้งนั้น .. โดยร่วมเป็นขบวนการตบทรัพย์ เพื่อผลักดันให้มีการปล่อยกู้เงิน .. โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นเช็คสั่งจ่าย “พานทองแท้” จำนวน 26 ล้านบาท แต่มีการยกเลิกในวันเดียวกับที่มีการตีแคชเชียร์เช็คออกไป รวมทั้งสั่งจ่ายคนในเครือข่ายทักษิณอีกหลายราย หรือที่เรียกกันว่า “เงินปากถุง” .. แต่ถึงวันนี้ “คดีรับของโจร” จะหมดอายุความไปแล้ว ก็ยังเหลือ “คดีฟอกเงิน” ที่มีการผันเงินไปเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัท ที่กำลังอยู่ในช่วงสรุปสำนวน .. พอภัยจะถึงตัว ก็เลยออกอาการ หลังกรรมตามทัน จนเป็นเหตุให้ “เพจดัง” รับงานมาโพสต์แก้ต่างให้ .. ไม่เท่านั้นงัดกฎหมายอาญา มาตรา 200 มาขู่ฟ่อใส่ทั้ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และทีมงาน อีกต่างหาก .. จะบอกว่าเป็นอาการดิ้นเฮือกสุดท้ายของคนใกล้ตาย ก็คงไม่ผิด
มานัส ทารัตน์ใจ และ พระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์
** หย่าศึกสงฆ์!! สำนักพุทธฯ ได้ ผอ.ใหม่ สเปกถูกใจ “เถระผู้ใหญ่” ตัดจบสอบ “เงินทอนวัด” ส่วน “ธรรมกาย” ได้ “หลวงพี่หมู” ผู้ใกล้ชิดยายจันทร์ เป็นเจ้าอาวาสคนใหม่

“สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ต้องพัฒนาและปฏิรูปองค์กรตัวเองด้วย อย่าเอามาตีกันไปทั่ว ก็ต้องทำตามกฎหมาย คำชี้แจงของ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ..หลังถูกถามเรื่องการแต่งตั้ง “มานัส ทารัตน์ใจ” อธิบดีกรมศาสนา โยกจากกระทรวงวัฒนธรรมมาเป็น ผอ.พศ. คนใหม่ .. แทน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่ถูกเด้งเข้ากรุ .. จากคำตอบมันก็ทำให้เห็นอะไรอย่างหนึ่ง ถึง “บทบาท” ของ ผอ.พศ. คนใหม่ โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่า ต้อง “ปฏิรูปตัวเอง” ด้วย .. เพราะมันสอดคล้องกับสิ่งที่พระ และฆราวาส กลุ่มที่กดดันให้ตะเพิด พ.ต.ท.พงศ์พร พูดมาตลอดว่า เรื่องการทุจริต “เงินทอนวัด” เป็นเรื่องที่เกิดจาก “เจ้าหน้าที่ พศ.” ไม่ได้เกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้าเลย .. ตอกย้ำให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการ “สงบศึก” กับสงฆ์ เรื่องเงินทอนวัด ที่ พ.ต.ท.พงศ์พร ทำเอาไว้ .. ขณะที่คนมาใหม่ คือ คนที่รัฐบาลต้องการนำมา “ลูบน้ำเย็น” บรรดา “พระเถระชั้นผู้ใหญ่บางรูป” ที่ไม่พอใจรัฐบาล ..

สำหรับ “มานัส” ชัดเจนว่า เป็นสายประนีประนอม .. บทบาทที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับแวดวงผ้าเหลืองมาโดยตลอด พระผู้ใหญ่หลายรูปให้ความเอ็นดู เพราะเป็นประเภทเดียวกับ “อดีต ผอ.พศ. คนก่อนๆ” ที่ผ่านมา .. ที่ทำหน้าที่เสมือน “เด็กวัด” คอยช่วยเหลืองานพระ เออออห่อหมกไปเรื่อย ไม่มีขัดใจ .. ซึ่งเป็นคนละสไตล์กับ พ.ต.ท.พงศ์พร ที่บู๊ล้างผลาญ จนวงการผ้าเหลืองร้อนเป็นไฟ.. แน่นอน “ศึกพระ” เป็นอันปิดจ๊อบหลัง “มานัส” มาประจำการที่ตรงนี้ และน่าจะจบลงพร้อมๆ กับเรื่องการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัด ที่ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) .. ที่ว่ากันว่า เป็นสายประนีประนอมเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ. .. แม้แต่ “บิ๊กตู่” ก็บอกเองว่า เรื่องการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัด พศ. หมดหน้าที่แล้ว .. ส่วนเรื่องการปฏิรูปพระพุทธศาสนา ที่เป็นสิ่งที่สังคมอยากเห็น ยอมรับความจริงได้เลยว่า วันนี้ริบหรี่เต็มทน คงทำอะไรไม่ได้ .. เพราะการเข้าไปแตะต้องเรื่องนี้อีก เหมือนเป็นการเปิดศึกกับพระรอบใหม่ .. นี่จึงเป็นเหตุว่า ทำไมต้องเอาคนที่ประนีประนอมอย่าง “มานัส” เข้ามา .. ตัว “มานัส” เอง ก็ “สายพระ” แบบจ๋าๆ เลย แม้กระทั่งตัวภรรยาของเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ใน พศ. .. ซึ่งจุดยืนค่อนข้างชัดเจนว่า ปกป้อง และหนักไปทางเอาใจพระเถระชั้นผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ ..

นอกจากนี้ “มานัส” ยังมีเพื่อนซี้ ชื่อ “ชยพล พงษ์สีดา” อดีตรอง ผอ.พศ. ในสมัยที่ พนม ศรศิลป์ เป็น ผอ.พศ. .. โดย “พนม” ถือเป็นผู้กุมความลับต่างๆ ใน พศ. เอาไว้เยอะ .. ปัจจุบันได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอนุกรรมการไต่สวนปมทุจริตเงินทอนวัดอยู่ แต่โอกาสจะรอดก็มี เพราะถ้าตัวเองตาย ความลับหลายเรื่องอาจแตก .. เรื่องพระยังไม่หมดเท่านี้ ล่าสุด มีข่าวออกมาว่า วัดพระธรรมกาย ได้เจ้าอาวาสองค์ใหม่เรียบร้อยแล้ว นามว่า “พระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์” หรือ “หลวงพี่หมู” ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด “คุณยายจันทร์” .. ว่ากันว่า “หลวงพี่หมู” รูปนี้ เป็นคนซื่อ โกหกไม่เก่ง น่าจะเป็นผู้ให้ข้อมูลกับทางราชการในหลายเรื่อง .. ที่สำคัญ เป็นคนรับผิดชอบเรื่องการหล่อทองของวัดมาตลอด ..รู้ที่เก็บทองคำแท่งหลายตันของวัด งานนี้น่าจะได้ข้อมูลเด็ดๆ เพียบ

** ผักชีสัญจร!! “ลุงตู่” ออนทัวร์ ครม.สัญจรรอบใหม่ ปักหมุด “สุพรรณฯ - ยุดยา” ปูฐานเสียงเลือกตั้งหนหน้า

มาทางโลก สัปดาห์หน้า “นายกฯตู่” มีคิวลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา .. โดยเป็นการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ หรือ “ครม.สัญจร” นอกสถานที่อีกครั้ง .. หลังเดือนที่แล้วไปโชว์ลีลากันที่ จ.นครราชสีมา รอบหนึ่งแล้ว .. นอกจากต้องจับตาว่าจะมีรายการ “ผักชีโรยหน้า” ประจานรัฐบาลอีกไหมแล้ว ก็ต้องมองกันอีกว่า ไฉน!! “นายกฯตู่” จึงเลือกมาที่ “จังหวัดบรรหาร” ที่แม้จะไม่ใช่ “พื้นที่สีแดง” แต่สุพรรณบุรี ถือเป็นเมืองใหญ่สำคัญทางการเมืองเมืองหนึ่ง .. ซึ่งถูกสัมปทานผูกขาดการเลือกตั้งโดย “ตระกูลศิลปอาชา” มาหลายสิบปี เพิ่งมีหนที่แล้วที่ถูกเจาะพื้นที่ชายขอบไปหนึ่งเขต .. แต่ปัจจุบันพรรคชาติไทยพัฒนาไร้หัว หลังการสูญเสียเสาหลักอย่าง “หลงจู๊” บรรหาร ศิลปอาชา กลายเป็น “พื้นที่ว่างเปล่า” ที่หลายคนจ้องตาเป็นมัน อยากจะสบโอกาสมาแบ่ง ส.ส. ออกไปบ้าง .. ในเมื่อไม่ใช่หัวเมืองเลือกข้าง ประชาชนยังไม่มีตัวเลือกหลังสูญเสีย “บรรหาร” ไป .. จึงเป็นโอกาสเหมาะที่ “บิ๊กตู่” จะลงไปกอบโกยความนิยม เพื่อดึงเอาสุพรรณบุรี เป็นอีกหนึ่งฐานเสียงสำคัญในการสนับสนุนตัวเองในอนาคต .. ซึ่งตั้งแต่พรรคชาติไทยพัฒนาไร้หัว ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนลงไปในพื้นที่เลย .. นี่จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาด ในการดึงมวลชนที่กำลัง “เคว้งคว้าง - ไร้จุดหมาย” มาอยู่ข้างตนเอง

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น