ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ก่อนไปเยือนสหรัฐฯ “ลุงตู่” น่าจะกริ๊งกร๊างหา “ลุงทรัมป์” เร่งกู้ร่าง 2 นักศึกษาไทยรถตกเหว ทางการไทยต้องยื่นมือช่วยเหลือ มาตรฐานเดียวกันเมื่อครั้งช่วย “แจ๊ด ปืนจิ๋ว”
ปล่อยออกมาอีกแล้ว กำหนดการเยือนสหรัฐอเมริกาของ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา .. โดยรายงานข่าวแจ้งว่า “นายกฯตู่” จะไปเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค. หรือประมาณวันที่ 4 - 8 ต.ค. ตามคำเชิญของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ .. รายงานข่าวระบุด้วยว่า เป็นกำหนดการที่ฝ่ายไทยเป็นผู้กำหนดวันเดินทางเอง โดยจะมีกำหนดการอย่างเป็นทางการจะเปิดเผยก่อนเดินทางจริง 10 วัน .. ต้องบอกว่ากำหนดการที่หลุดออกมา “อีกครั้ง” นั้น ยังเป็นในลักษณะ “ไม่เป็นทางการ” ไม่มีการยืนยันจากบุคคลหรือหน่วยงานของรัฐบาล .. ก็เหมือนกับที่ทางรัฐบาลเคยปล่อยข่าวออกมาเองว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์” ต่อสายตรงมาหา “นายกฯตู่” เพื่อแนะนำตัวและเชิญไปเยือนแดนมะกัน ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา .. แต่จากเดือน 5 จนจะหมดเดือน 8 ก็ยังไร้วี่แววว่า “ผู้นำไทย” จะได้บินข้ามโลกไปเหยียบทำเนียบขาว .. จนตัวท่านผู้นำเคยออกมาสารภาพว่าตัวเองโดน “แบล็กลิสต์” จากหลายประเทศในฐานะ “หัวหน้าคณะรัฐประหาร” จนไม่มีภารกิจไปเยือนต่างแดนมานานสองนาน .. ดังนั้น ก็ต้องบอกว่ารายงานข่าวเยือนสหรัฐฯช่วงต้นเดือน ต.ค. นี้ ไม่มีความแน่นอนใดๆ ทั้งสิ้น
พูดถึง “การให้เกียรติ” ของ “ผู้นำเมกา” ที่กริ๊งกร๊างมาหา “นายกฯตู่” ครั้งนั้น เห็นว่าพูดคุยประเด็นความร่วมมือกันหลายเรื่อง .. รวมทั้งที่ผ่านมาทางไทยเองก็สนองต่อ “รีเควส” จากสหรัฐฯหลายต่อหลายเรื่อง ที่จำกันได้ก็อย่างการส่งตัว วิคเตอร์ บูท อดีตเคจีบีรัสเซีย พ่อค้าอาวุธสงครามตัวฉกาจไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ จนโดนทางรัสเซียเขม่นมาแล้ว .. ที่ลำเลิกบุญคุณขึ้นมาก็แค่สงสัยว่า กรณี 2 นักศึกษาไทยไปประสบอุบัติเหตุรถตกเหวที่อุทยานแห่งชาติ Kings Canyon ในสหรัฐฯ ที่จนป่านนี้ร่วมเดือนยังไม่สามารถเก็บกู้ร่างของ 2 นักศึกษาออกมาจากที่เกิดเหตุได้ .. คิดถึงใจเขาใจเรา ญาติพี่น้องของ 2 นักศึกษาที่ต้องโศกเศร้าเสียใจกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ยังต้องมาทรมานใจกับปฏิบัติการเก็บกู้ร่างของลูกหลานที่ไม่คืบหน้าเสียที แบบที่ทำอะไรไม่ได้ด้วย .. ยิ่งไปกว่านั้น ทางการไทยก็ดูจะไม่ร้อนอกร้อนใจในความทุกข์ของคนไทยด้วยกัน ไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ ออกมาเลย .. ไหนๆ ช่วงนี้ก็คงจะมีการประสานรายละเอียดกำหนดการผู้นำไทยไปเยือนแล้ว “นายกฯตู่” อาจจะยกหูหา “ผู้นำทรัมป์” ให้ช่วยเหลือเรื่องร่าง 2 นักศึกษาไทยเป็นกรณีพิเศษสักกะหน่อย .. อาจจะไม่เห็นผลทันตา เพราะมีมาตรการความปลอดภัยอะไรเยอะแยะ แต่อย่างน้อยระดับผู้นำคุยกัน ก็น่าจะช่วยกระตุ้นอะไรๆได้ดีขึ้น .. ประมาณว่ายื่นหมูยื่นแมว ซื้อใจกันสักนิด ไม่ใช่เอะอะไปยอมเขาฝ่ายเดียว ต้องรู้จักเรียกร้องอะไรซะมั่ง .. หรือเทียบกันง่ายๆ กับเมื่อครั้ง “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจอรวบที่ประเทศญี่ปุ่น ฐานพกพาอาวุธ “ปืนจิ๋ว” ในสนามบิน .. ช่วงนั้นก็รัฐบาล คสช. นี่แหละ ที่ร้อนใจแล้วให้ความช่วยเหลือกันวุ่นวาย ทั้งที่เป็นกรณีกระทำความผิดกฎหมาย แต่คราวนี้เหตุเกิดกับประชาชนคนธรรมดา ที่ไม่ได้มีความผิดอะไร กลับไร้การเหลียวแลจากภาครัฐแฮะ
** “ป.ประยุทธ์” เลิกเหนียม เอาแน่นายกฯรอบหน้า แต่ต้องเป็นแพกเกจพพ่วง “พี่ป้อม - พี่ป๊อก” แบบอยู่กันไปทั้งชาติ
“รัฐบาลของตู่ ที่มี พี่ป้อม และ พี่ป๊อก เป็นผู้คอยดูแลน้องตู่ เพื่อให้การทำงานทุกอย่างเรียบร้อย” คือบางช่วงบางตอนของโอวาทที่ “ป๋าเปรม” พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวในระหว่างการเปิดบ้านให้ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะเข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 97 ปี ที่บ้านสี่เสาฯ .. ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์กลมเกลียวกันของ คีย์แมน 3 คน หรือ “ก๊วน 3 ป.” ของรัฐบาล คสช. ทั้ง “บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม” ตลอดจน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รองของรัฐบาล คสช. และเหล่าบูรพาพยัคฆ์ ที่ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมการอวยพร “ป๋าเปรม” ด้วย .. ทำให้นึกย้อนไปถึงวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 72 ปีของ “พี่ป้อม” ที่ “น้องตู่” หล่น “วรรคทอง” ที่ว่า “ท่านอยู่กับผมทั้งชาติแหละ” ออกมา .. ถือเป็นการประกาศให้สังคมภายนอกได้รับรู้ถึงสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นของ 2 พี่น้องเสือตะวันออก ที่ดูแลกันมาในอดีต และจะยืนหยัดเป็น “แพ็กคู่” กันต่อไปในอนาคต .. น่าสังเกตว่าภายหลังที่ประกาศความแน่นเฟ้นกับ “พี่ป้อม” แล้ว ระยะหลัง “น้องตู่” ก็เริ่มไม่เหนียม เคลิบเคลิ้มไปกับโอกาสในการกลับมาเป็น
นายกฯอีกคำรบ หลังมีการเลือกตั้งครั้งหน้า .. ดูได้จากคำถามที่ถามชาวบ้านในช่วง ครม. สัญจร ที่เมืองย่าโม ต่อเนื่องมาถึงงานปราฐกถา “บางกอกโพสต์ ฟอรัม 2017” ที่โรงแรมหรูกลางกรุง ก็ถามคำถามคล้ายกันว่า “ใครอยากให้ผมเป็นนายกฯต่อไหม” .. สอดรับกับรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดที่เปิดช่อง “นายกฯคนนอก” ไว้แบบที่ “ป.ประยุทธ์” ไปกางมุ้งรอที่ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ไม่ต้องแวะคูหาเลือกตั้งด้วยซ้ำ .. ทั้งๆ ที่ผลสำรวจผ่านโพลแทบทุกสำนักในช่วงหลังมานี้ชี้ชัดว่า ทั้ง “บิ๊กตู่” และ คสช. เข้าสู่ภาวะเสื่อมอย่างเต็มตัว แต่เจ้าตัวก็ดูจะไม่สนใจ พูดขนาดว่าโพลเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์ก็จะอยู่ต่อ .. เหตุที่ทำให้ “ลูงตู่” มั่นใจได้ขนาดนี้ก็คงเพราะมีการจัดวางขุมข่ายอำนาจไว้แบบรัดกุมปูทางเส้นทางอำนาจของตัวเองไปได้แบบยาวๆ .. โดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และ “ผู้คุมกฎตัวจริง” อย่าง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ” อีก 34 คน ที่กำลังจะมีการตั้งตัวบุคคลในเร็วๆ นี้ .. ที่มีส่วนผสมของบรรดา “ผู้นำเหล่าทัพ” หลายตำแหน่ง นี่เองที่เป็นเหตุทำให้การจัดวาง “โผนายพล” บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ ที่ควรจะเรียบร้อยนานแล้วมีปัญหาขึ้นมา .. จากวางตัวบุคคลที่ไม่เพียงแต่ต้องเป็น “บูรพาพยัคฆ์” เท่านั้น สมัยนี้ต้องเช็คชัวร์แล้วว่า “สายตรงวงษ์สุวรรณ” ถึงจะไปลงล็อกต่างๆ ในแต่ละกองทัพ .. เป็นที่มาของกระแสข่าวที่ว่า “เด็กป้อม” ไปอยู่ผิดที่ผิดทางในโผนายพลนับสิบตำแหน่ง จนทำให้โผสะดุดนั่นเอง .. รูปการณ์แบบนี้นอกจากไทยเราจะต้องจมอยู่กับ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” แบบยาวๆ แล้ว ยังต้องเจอยัดเยียดเหมือนแพ็คเกจเหล้าพ่วงเบียร์ มี “ตู่ - ป้อม - ป๊อก” ที่จะอยู่กันไปทั้งชาติอีกด้วย.
** มันต้องมีอะไรแน่ๆ ค่ะหัวหน้า!! “บิ๊กวิน” ปลดกลางอากาศ “นวยนิ่ม” พ้นรองผู้ว่าฯ กทม. คงมี “เงื่อนงำ” มากกว่าข้ออ้างงานชุก - ไม่มีเวลาทำงาน
ฟ้าผ่าศาลาเสาชิงช้า!! เมื่อ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ลงนามในคำสั่ง กรุงเทพมหานคร ที่ 2650/2560 ให้รองผู้ว่าฯ กทม. และผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ กทม. .. เนื้อหา คือ การให้ “นวยนิ่ม” พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน พ้นจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. แล้วตั้ง พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. แทน .. โดยให้เหตุผลว่า “ท่านนวยนิ่ม” มีภารกิจเป็น คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งยังเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่เท่านั้น ยังมีงานเดินสายบรรยายพิเศษในหลักสูตรต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และเป็นอาจารย์พิเศษในอีกหลายสถาบันการศึกษา ทำให้มีเวลาในการปฏิบัติราชการให้แก่ กทม. น้อยลง .. มองแบบไม่คิดอะไรมากก็คงต้องบอกว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นเหตุผลเรื่องงานล้วนๆ
แต่.. ในความเป็นจริง “ท่านนวยนิ่ม” ก็ไม่ได้เพิ่งมามีงานชุกแบบนี้ ตั้งแต่ คสช. เข้ามามีอำนาจ ฟาดตำแหน่งในยุค คสช. เพียบไปหมด .. ตั้งแต่เข้าสรรหาและได้เป็น สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พอหมดรอบก็ได้เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งในช่วยเดียวกันก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. เมื่อช่วงเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว .. ในระหว่างที่เป็นรองผู้ว่าฯ ก็เป็น สปท. มาตลอด ไม่ยักจะมีเรื่องมีราวถึงกับต้องปลดกันแบบนี้ .. ที่สำคัญ วาระ สปท. ก็สิ้นสุดไปแล้ว ครั้นจะบอกว่าพอได้เป็น กรรมการปฏิรูปประเทศ แล้วจะทำให้งานล้นมือมากกว่าเดิม ก็ยิ่งน่าสงกะสัยไปใหญ่ .. เทียบง่ายๆ กรรมการปฏิรูปประเทศเดือนนึงเห็นว่าประชุมได้ไม่เกิน 8 หน แตกต่างจากตอนเป็น สปท. ที่เข้าสภาแทบทุกวัน ทั้งประชุม สปท. ใหญ่ ประชุมกรรมาธิการอะไรอีก .. ยิ่งไปกว่านั้น หากมีงานล้นมือกันจริงๆ รูปการณ์ก็น่าจะออกมาในแนว “ท่านนวยนิ่ม” ขอลาออกจากตำแหน่ง มากกว่าต้องมาออกคำสั่งปลดกันกลางอากาศแบบนี้ .. คิดแบบคนคิดมากหน่อยๆ ก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้ต้องมี “เงื่อนงำ” แหงๆ
ช.ชฎา