เรื่องคาวฉาวโฉ่ของ “พระสงฆ์องค์เจ้า” ยังมีให้เห็นแทบทุก พ.ศ. บ้างก็โดนลงโทษด้วยมาตรการทางสังคม หรือบ้างก็หนีไม่พ้นอาญาแผ่นดิน ต้องไปชดใช้ความผิดในคุกในตะราง แต่ก็มีปัจจัยด้วยว่า สงฆ์คนไหนสายป่านยาว ก็ลากเรื่องไปจนหมดอายุ หรือสงฆ์คนไหนสายป่านสั้น ก็ต้องรับกรรมเร็วหน่อย
อย่างกรณี “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีความผิดเป็นหางว่าว เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีตามหมายจับ ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ที่ตอนนี้ไม่รู้ไปซุกหัวอยู่ที่ไหน ทำเอาเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงกับจนปัญญา ไม่รู้หนีไปทิศทางไหน มีข่าวลือข่าวลวงออกมาเป็นระยะ ทั้งที่ว่ายังอยู่ในพื้นที่วัดดังย่านปทุมธานี หรือหลบหนีอยู่ในประเทศ ตลอดจนเตลิดไปเสพสุขอยู่ในต่างประเทศ
หรืออีกราย “อดีตพระเณรคำ” วิรพล สุขผล ที่เชี่ยวชาญในเรื่องหากินกับความเชื่อความศรัทธาของชาวบ้าน จนร่ำรวย มีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท มีคดีติดตัวถึง 8 ข้อหา ทั้งฟอกเงิน, ยาเสพติด, พรากผู้เยาว์ และอวดอุตริอภินิหาร ก็ยังสามารถหลบหนีคดีไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา กว่า 4 ปี ก่อนถูกศาลแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เมื่อเดือนก่อนนี้เอง
แต่ก็ยังมี “สงฆ์ผู้น้อย-สงฆ์ผู้ใหญ่” หรือ “โล้นห่มเหลือง” อีกจำนวนมาก ที่ใช้ความเชื่อ-ความศรัทธา หลอกลวงชาวพุทธ แต่ยังไม่ถูก “กระชากหน้ากาก”
ล่าสุด ในโลกโซเชียล กำลังตั้งข้อสังเกตกันถึงสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ที่ระบุพิกัดอยู่ในมลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นามว่า
“INTERNATIONAL UNIVERSITY OF MORALITY” แปลตรงๆ ตัวว่า “มหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งคุณธรรม” มีชื่อย่อในวงการว่า “IUM”
เหตุใด IUM สถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ไกลโพ้นอีกซีกโลกหนึ่ง ถึงกลายเป็นประเด็นในสังคมออนไลน์ประเทศไทยไปได้ ก็เพราะมีข้อมูลที่ชี้ชัดว่า IUM มุ่ง “กลุ่มลูกค้า” ในประเทศไทยเป็นหลัก
แม้ว่าจะได้รับการจดทะเบียน “ธุรกิจสถาบันอุดมศึกษา” ตามกฏหมาย 6E-5.001 แห่งมลรัฐฟลอริด้า อย่างถูกต้องตามที่มีการกล่าวอ้างในเว็บไซต์ก็ตาม แต่ด้วยระบบที่เปิดทำการสอน แบบออนไลน์ ผ่านอินเตอร์เน็ต ด้วยสโลแกน “เปิดสอนในระบบออนไลน์อินเทอร์เน็ต ทุกหลักสูตร สอนคุณธรรม อันเป็นประโยชน์ต่อตนเอง และสังคม สอนให้รอบรู้ในสาขาวิชาปรับตัวตามเปลี่ยนแปลง” รวมทั้งการเปิดหลักสูตร “ภาษาไทย” ระบุ 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ “ผู้เรียนชาวไทยในสหรัฐอเมริกา - ผู้เรียนชาวไทยในประเทศอื่น - ผู้เรียนชาวไทยและใช้คุณวุฒิในหน่วยงานราชการไทย”
ก็ชัดเจนว่า ต้องการให้คนไทย สงฆ์ไทย ไปเป็นลูกค้า หรือลูกศิษย์ โดยเฉพาะกลุ่มพระสงฆ์ ที่มีการโฆษณาไว้ว่า “IUM เป็นสถานศึกษาทางศาสนา เน้นด้านคุณธรรม จึงเหมาะอย่างยิ่งกับนักบวช พระ และผู้ที่สนใจศึกษาคุณธรรม เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และเผยแพร่อย่างแท้จริง”
แต่ชื่อของหลักสูตรที่เปิดทำการสอน ทั้ง “บริหารธุรกิจและสาธารณะคุณธรรม - การบริหารการศึกษาคุณธรรม” เรื่อยไปถึงหลักสูตร “การบริหารวัดและศาสนสถานคุณธรรม” ดูจะทะแม่งๆ ชอบกล จนเกิดคำถามว่า วัดหรือศาสนสถาน ต้องมีการศึกษาปริญญา ถึงจะเข้าไปบริหารได้อย่างนั้นหรือ แบบนี้อาจทำให้ “สมภารชายขอบ” อาจตกงานไม่มีที่ยืนได้เลย
พิเคราะห์จากชื่อหลักสูตรแล้วก็ต้องบอกว่า เป็นหลักสูตรที่เข้าข่าย “พุทธพาณิชย์” อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะ วัด หรือศาสนสถาน ที่น่าจะเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ และทำกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ ตลอดจน ศูนย์รวมของคนในชุมชน อย่างในอดีต กลายเป็น “กิจการ” ที่ต้องมีการ “บริหารธุรกิจ” กันแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการออกปริญญาบัตร ในระดับต่างๆ ตรี-โท-เอก ให้กับผู้ที่จบการศึกษาด้วย โดยระบุว่า “ไม่สามารถนำคุณวุฒิไปใช้ในการสมัครทำงาน หรือขอปรับตำแหน่งในหน่วยงานราชการไทยได้ เนื่องจากเป็นการศึกษาออนไลน์ ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่รับรองคุณวุฒิ”
จนมีคำถามถึงความน่าเชื่อถือของสถาบันแห่งนี้ ที่มีสำนักงานเป็น "ห้องแบ่งเช่า" ในตึกสำนักงานให้เช่าเล็กๆ ว่าจะเข้าข่าย “มหาวิทยาลัยห้องแถว-มหาวิทยาลัยเถื่อน” ที่เคยมีการกวาดล้างอย่างหนักในประเทศไทยหรือไม่
จนมาเห็นชื่อ ตัวแทน IUM แห่งประเทศไทย คือ ดร.นพดล ก้อนคำ เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มเข้าเค้า
เป็น นพดล ก้อนคำ แห่งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ที่เคยตกเป็นข่าวว่าถูก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บุกทลายพิธีมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของ ม.สันติภาพโลก ที่โรงแรมดังย่านนนทบุรี เมื่อไม่กี่ปีก่อน
จากงานนั้นทำให้ ศุภณัฐ ดอนจันทร์ ผู้อ้างตัวเป็น อธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก วิทยาเขตกรุงเทพ ถูกตั้ง 3 ข้อกล่าวหาจาก ดีเอสไอ คือ ความผิดตามพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฉ้อโกงประชาชน จากการก่อตั้งมหาวิทยาลัย และมอบปริญญากิตติมศักดิ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต
จนเกิดกระแสการปราบปรามมหาวิทยาลัยเถื่อน-วุฒิเถื่อน มีการประกาศแบล็กลิสต์ไปหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ Dhammakaya Open University (DOU) อ่านเป็นภาษาไทยว่า “ธรรมกาย โอเพ่น ยูนิเวอร์ซิตี้” มีที่ตั้งอยู่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
เป็น นพดล ก้อนคำ ที่ระบุชื่อในเฟซบุ๊ก และอีกหลายสื่อโซเชี่ยล ว่า Bishop Noppadol Konkam ผู้เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับ “ธัมมชโย” ว่า “กรณีหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย การรับทาน ไม่ใช่การรับของโจร สถาบันทางศาสนา เป็นหนึ่งในสามสถาบันของชาติไทย ซึ่งผู้ใดจะละเมิดมิได้ ความบริสุทธิ์แห่งสถาบันทางศาสนามีหลักธรรม หลักศีลธรรม ที่สูงกว่ากฎหมายฝ่ายโลก หรือกฎแห่งสังคมเนื้อหนัง ซึ่งหยาบและเป็นมตะ การที่จะพิพากษาฝ่ายธรรมโดยกฎแห่งโลกไม่บังควรอย่างยิ่ง”
ถึงกับบรรลุทางธรรมเลยว่า ขบวนการแบบนี้มีต้นขั้วมาจากที่ใด
น่าสนใจอีกว่า ราคาค่างวดในสมัครเรียน IUM หรือพูดง่ายๆ คือการซื้อ "ปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์" เป็นราคาที่จับต้องได้ ปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก ระบุว่า เรียนเพียง 10 วิชาๆ ละ 100 ดอลลาร์ยูเอส หรือ 35,000 บาทเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับปี 2017 หรือปี 2560 มีโปรโมชันพิเศษสำหรับคนไทย หรือผู้ที่เรียกหลักสูตรภาษาไทย จะได้รับส่วนลด 50% ทุกวิชาอีกด้วย สรุปแล้วเสีย 17,500 บาท ก็จะได้ "ปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์" มาประดับฝาบ้านแล้ว
เป็นปริญญาที่ไม่ใช่แค่กระดาษใบเดียว แต่เป็นปริญญาบัตรที่ เข้มขลังไปด้วยพุทธคุณ-ความศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีรายชื่อ พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ “เจ้าคุณธงชัย” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม และ พระพรหมสิทธิ หรือ “เจ้าคุณธงชัย” รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศวรมหาวิหาร ลงนามในปริญญาบัตรดังกล่าวด้วย
โดย “2 เจ้าคุณธงชัย” มีตำแหน่งระบุในปริญญาบัตรว่า เป็น Member of the Advisor Council หรือเป็น “ที่ปรึกษา” ของทางสถาบัน แล้วหากใครขอเข้าพิธีรับปริญญาบัตรด้วยตัวเอง ก็ยังจะได้รับปริญญามอบจากมือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ “สมเด็จสนิท” เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของ IUM ด้วย
กลายเป็นอีกขบวนการหากินกับความเชื่อ-ความศรัทธา แถมส่อไปในทางหลอกลวงผู้บริโภค ที่มี “เกจิดัง-พระผู้ใหญ่” เข้าไปเกี่ยวข้องอีกครั้ง .