“ประวิตร” นำนักกีฬาซีเกมส์พบนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ชี้แข่งครั้งแรกหลังเปิดอาเซียน แนะทำสมาธิลดตื่นเต้น ขอให้กำลังใจ นำเหรียญกลับมามากสุด อ้างเลือดรักชาติมีสูงประเทศจึงมีปัญหา เวลาแข่งก็นึกถึงหน้าตนหน่อย รอลุ้นอยู่
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่นำเจ้าหน้าที่และนักกีฬาทีมชาติไทยเข้ารับโอวาท ก่อนการเดินทางไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ถือเป็นเวทีการแข่งขันกีฬาที่สำคัญ 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงให้เห็นถึงการรวมพลังที่ยิ่งใหญ่ในการที่เราจะต้องเจริญเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้กีฬาเป็นสื่อแสดงความรักและความสามัคคีซึ่งจะตามไปสู่เรื่องอื่นด้วย ประเด็นความร่วมมือระหว่างประเทศ การจัดการแข่งขันกีฬาแสดงให้เห็นว่าภูมิภาคของเรามีความสงบสุขมีความเป็นเสถียรภาพจึงสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้ เช่นเดียวกันประเทศไทยก็ต้องสงบสุข ถึงจะทำอย่างอื่นได้ ซึ่งจะต้องมีเสถียรภาพและความมั่นคงด้วย
“ขอให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ มีน้ำใจนักกีฬา เคารพกฎกติกาที่วางไว้ อย่าไปต่อสู้กับกรรมการ ให้เกียรติคนดู คนดูก็ต้องให้เกียรตินักกีฬา เพราะบางครั้งนักกีฬาแพ้แต่คนดูไม่แพ้ อาเซียนยังเป็นแบบนี้เพราะพวกเราเลือดรักชาติมันเข้มข้น ก็ต้องระวัง วันนี้หลายเรื่องก็อาศัยความรักชาติทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ต่างฝ่ายต่างก็อ้างรักชาติ เลยไม่รู้ว่าเป็นคนชาติเดียวกันหรือเปล่า ทั้งนี้เราเป็นคนชาติเดียวกันดังนั้นก็ต้องเดินไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ทำให้ประเทศชาติมีความสงบสุขรวมทั้งอาเซียนด้วย เพราะปัจจุบันอาเซียนมีความเป็นเนื้อหอม เพราะเป็นทั้งฐานการผลิต เป็นตลาดที่ประชามอื่นมุ่งหวังที่จะขยายการลงทุน ประเทศไทยถือเป็นประเทศสำคัญ เป็นแกนกลาง เราไม่ต้องไปแอบอ้างกับใครว่าเราจะแข็งแรงที่สุดในอาเซียน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความขัดแย้งในประเทศและในโลกเกิดจากความยากจน ความขัดแย้ง ความไม่เป็นธรรม สถานการณ์ความไม่สงบสุขในประเทศ ดังนั้นหากทุกประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัย มีการเข่งขันกีฬา มีกิจกรรมร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การค้าการลงทุนในลักษณะต่างตอบแทน ก็จะทำให้ทุกประเทศเจริญเติบโตไปพร้อมกัน ความขัดแย้งก็จะหายไป วันนี้ทุกคนต้องรู้ว่าประเทศมีดีอะไร และประเทศอื่นมีดีอะไรเราต้องศึกษา อย่างประเทศมาเลเซียเขาห้ามใช้นิ้วชี้ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแทน
“ผมก็เคยเผลอที่จะใช้นิ้วชี้ ต้องรีบหดมือเข้ามาเพราะชี้นิ้วเสียจนเคย อยู่เมืองไทยเป็นทหารใช้นิ้วชี้ ชี้ได้ สั่งลูกน้อง เป็นนายกฯ ก็ยังชี้อยู่ นักข่าวก็จะถ่ายรูปไปแล้วบอกว่าเผด็จการ ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่การชี้เพื่อให้ทำในสิ่งต่างๆ เท่านั้น ทุกย่างอยู่ที่ตัวเรา การจะให้คนนับถือยอมรับ อยู่ที่การแสดงออกที่ต้องจริงใจ ไม่อ้อมแอ้ม ไม่คลุมเครือ คิดอย่างไรต้องพูดอย่างนั้น ต้องปรับระบบความคิดของตัวเอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเล่นกีฬาเป็นทุกประเภทแต่ไม่เก่งสักอย่าง ทุกคนต้องใช้กีฬาในการสร้างสรรค์ประเทศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ต้องเริ่มที่ร่างกายต้องมีความแข็งแรง ไม่ใช่มาแก้ปัญหาด้วยการรักษาพยาบาล ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ทำให้ทุกอย่างพันกันทั้งหมด เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเอง ซึ่งในทุกวันพุธตนจัดการเล่นกีฬาที่ทำเนียบฯ ถ้าว่างก็มาร่วมด้วยและไม่ได้จะเล่นแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะอายุ 60 กว่าปีแล้วล้วนเป็นผู้สูงวัย และคนไทยสวยที่สุดในโลกอยู่แล้วไม่ต้องไปเมคอัพมากนัก และขอให้ใช้เครื่องสำอางค์ที่ผลิตจากประเทศไทยซึ่งทำมาจากข้าว ไม่ใช่ไปเอาของต่างประเทศมาใช้เพราะมีราคาแพง บางคนหน้าดีอยู่แล้วไม่ต้องไปทำใหม่เพราะทำไปทำมาอาจไม่ดีเท่าเก่า พ่อแม่ให้มาแค่ไหนก็แค่นั้น เพราะทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ อยู่ที่ความดี สวยที่จิตใจ คนสวยมักไม่ค่อยได้แต่งงานเพราะเลือกมาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีรับสั่งให้รัฐบาลสนับสนุนคนไทยทุกอย่างเพื่อให้มีความสุข การสร้างความเข้มแข็ง การสร้างความรักในหมู่คณะ การมีประวัติศาสตร์ชาติไทย จิตอาสา ซึ่งมีอยู่ในตัวคนไทยทุกคนเพียงแต่ขาดหายไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ความสุขเหล่านี้ต้องกลับมาให้ได้ ทั้งนี้นักกีฬาทุกคนนอกจากจะเป็นทูตสันถวไมตรีแล้ว จำเป็นต้องรับรู้สถานการณ์ในประเทศไทยด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนลืมไปแล้วว่าประเทศไทยมีความสงบสุข มีเสถียรภาพ สามารถเดินทางไปร่วมแข่งขันได้ ไม่เช่นนั้นก็จะมีแต่การแข่งขันกีฬาสีในประเทศเท่านั้น แล้วก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา วันนี้ไม่ต้องมีกีฬาสี เพราะ พล.อ.ประวิตรไม่ให้มี เรามีแต่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์
“วันนี้ขอให้นักกีฬาทุกคนแข่งขันให้เต็มที่ไม่ต้องห่วงว่าจะสวยหรือไม่สวย ไม่ต้องไปกลัว คนสวยวันนี้ทำอะไรไม่ค่อยเป็น พอแล้วเดี๋ยวผมโดนด่าอีก แต่ก็มีบางคนที่ยังห่วงความสวย แต่ก็มีเยอะแยะที่คนดีที่สวย วันนี้การใช้จ่ายงบประมาณต้องให้เหมาะสมกับสัดส่วนการเติบโตของจีดีพีประเทศ ซึ่งวันนี้จีดีพีไม่เพิ่มมากเท่าไหร่ เศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังไม่เกิด แต่วันนี้เกือบทุกอย่างยังมีช่องโหว่ รัฐบาลพยายามใช้ทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อให้ลงไปถึงประชาชนทุกจังหวัด ทุกพื้นที่เพราะเราไม่ได้เป็นรัฐบาลการเมือง จึงเป็นเรื่องยากในการใช้จ่ายงบประมาณ วันนี้การลงทุนต้องทำเพื่ออนาคตด้วยแต่ไม่ใช่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใคร ขณะเดียวกันก็ต้องอุดช่องโหว่ของปัญหาที่มีอยู่ รัฐบาลนี้จะทำให้ดีที่สุดเพราะเรามีเวลาอยู่เพียงเท่านี้ เราจะทำให้ดีที่สุด ผมสัญญากับคนไทยทุกคนว่าผมจะทำให้ดีที่สุด และเชื่อทุกคนจะร่วมกันเป็นพลังเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม สร้างสิ่งดีๆ ให้แก่ประเทศไทยในวันนี้และอนาคต” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าลืมว่าทุกอย่างไม่ใช่ของเราแต่เป็นของประเทศชาติ เราจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อประเทศ อย่าถามว่าแผ่นดินนี้ให้อะไรกับเรา แต่ต้องถามว่าได้ทำอะไรให้แผ่นดินที่เหยียบอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีเสรี มีเอกราชมีอธิปไตย แผ่นดินนี้ให้กับทุกคนแล้ว ท่านไม่ต้องไปอาศัยชาติอื่น มีสัญชาติไทย เกิดในเมืองไทย เป็นคนไทย ยกเว้นบางคนที่ไม่อยากตายในเมืองไทยก็ช่างเขา ซึ่งไม่ใช่เรื่องของผมเป็นเรื่องของกฎหมาย วันนี้ทุกคนอยากมาเที่ยว อยากมาลงทุนในประเทศไทย ยกเว้นประเทศไทยยังไม่สุขม่มีเสถียรภาพ จึงมีการยกเลิก ถ้าเราเริ่มต้นไม่ทันอนาคตนักท่องเที่ยว นักลงทุนก็จะไม่เข้ามาอีก เราจะไม่ใช่ศูนย์กลางของภูมิภาคนี้อีกต่อไป เพราะเราได้ทิ้งศักยภาพทั้งหมดของเราที่มี ด้วยความขัดแย้งและด้วยความเป็นประชาธิปไตยของเราที่ผ่านมา
“ผมไม่ได้ปฏิเสธคำว่าประชาธิปไตย มันต้องเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องเตรียมความพร้อมของประชาธิปไตยของเราให้ได้เพื่อก้าวไปสู่อนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดจะได้ไม่เกิดเรื่องราวขึ้นมาอีก ทุกอย่างเราจึงต้องมีการปฏิรูปซึ่งต้องเริ่มจากตัวเองก่อนทุกอย่างถึงจะสำเร็จเพื่อไปถึงเป้าหมายที่ดีกว่าเดิม โดยเริ่มจากการคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ ใครไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษ ทหารไม่ดีก็เอาออกไป ไม่อยากให้ฟังสื่อโซเชี่ยลมากนัก มีทั้งนักสืบ ผู้พิพากษาคิดเองเออเองไปหมด เปิดสื่อมามีแต่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง วันนี้อะไรก็ลุงตู่ๆ มันไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผมยอมแพ้ ปรับระบบความคิดตัวเองแล้วไม่มีแพ้ แล้วไม่มีชนะใคร เพราะคนชนะคือประเทศชาติ ผมต้องการให้ประเทศชนะ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้ทุกคนนำเหรียญกลับประเทศให้ได้มากที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือการทำงานเป็นทีม ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน และขอให้ช่วยกันปรับปรุงการกีฬาของไทยให้ดีขึ้น
“เวลาแข่งขันก็นึกถึงหน้าผมหน่อย ผมรอลุ้นอยู่ ผมชอบทุกกีฬา เล่นเป็นทุกอย่าง แต่ไม่เก่ง และผมสนับสนุน ผมต้องการสร้างสรรค์กีฬา ทุกวันนี้ก็ให้ออกกำลังกายในทำเนียบฯ แล้ววันนี้ประธานและอดีตประธานโอลิมปิกมาทั้ง 2 คน เห็นทีจะต้องได้เหรียญเพิ่มเป็น 2 เท่า” นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังให้โอวาท นายกรัฐมนตรีได้ทักทายเจ้าหน้าที่ นักกีฬา และกล่าวหยอกล้อกับ “ท้าวดักแด้” หรือนายไทยแลนด์ คำทอง โดยให้เชียร์ว่า “นายกฯ ไม่เคยแพ้ใคร” ด้วย
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดของตัวเองในงวันนี้ว่า วันนี้ได้ให้กำลังใจแก่นักกีฬา มีการกระเซ้าเย้าแหย่ไปบ้างเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ขออย่าถือสาเป็นเรื่องใหญ่โต ไม่ใช่เรื่องการเมืองอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าต้องการให้การกีฬาเกิดผล 3 อย่าง คือ 1. สร้างชื่อเสียง 2. สร้างความรักความสามัคคี ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 3. สร้างสุขภาพของคนไทยให้แข็งแรงขึ้น จึงขอให้ทุกคนร่วมเป็นกำลังใจให้แก่นักกีฬาด้วย