“มีชัย” มองข้อเสนอหัวหน้า ปชป.ยกเลิกเบอร์ผู้สมัครใส่โลโก้พรรคแทน ทำซื้อเสียงยากจริง แต่ยันเบอร์คงจำเป็น ย้อน “สดศรี” เกิดไม่ทันไทยใช้ต่างเบอร์เลือกตั้งมาก่อน ยันไม่ทำให้วุ่นวายนับคะแนน อาจช้าไป 1-2 ชม. ชี้พรรคการเมืองไม่มีปัญหาเว้นแต่พรรคนอมินี
วันนี้ (8 ส.ค.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ยกเลิกเบอร์ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้ใส่ชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรคการเมืองแทนระบบต่างเขตต่างเบอร์ ว่าเป็นแนวทางที่จะช่วยให้การซื้อเสียงยากขึ้น แต่ยังเห็นว่าการกำหนดเบอร์ยังมีความจำเป็น เพราะประชาชนยังมีความคุ้นเคยเกี่ยวกับเรื่องเบอร์ผู้สมัคร และต้องคิดถึงประชาชนที่ไม่รู้หนังสือด้วย โดยได้ตรวจสอบแล้วว่าการเลือกตั้งของประเทศไทยมีมาแล้ว 27 ครั้ง ก็เพิ่งจะมีในระยะหลังที่ใช้ระบบเบอร์เดียว คือ ตั้งแต่มีระบบบัญชีรายชื่อกับเขตเลือกตั้ง ซึ่งทำเพื่อความสะดวกจึงมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ของพรรคการเมือง และของผู้สมัครเขต
ส่วนกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง และที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ระบุว่าประเทศไทยไม่เคยใช้ระบบต่างเขตต่างเบอร์มาก่อน ประธาน กรธ.บอกว่า นางสดศรีคงเพิ่งเกิด จึงคิดว่าไม่เคยมีระบบนี้มาก่อน แต่การที่ กรธ.กำหนดให้ผู้สมัครแต่ละพื้นที่มีเบอร์ต่างกันจะช่วยลดปัญหาการซื้อเสียงแต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหมดไป นอกจากนี้การกำหนดเฉพาะชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรคจะทำให้การซื้อเสียงหมดไป เพราะสามารถชื่อเสียงโดยใช้ชื่อได้ เพียงแต่จะทำให้ยากขึ้นเท่านั้น
นายมีชัยยังยืนยันด้วยว่า ระบบแยกเบอร์ไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการนับคะแนน เพราะแต่ละหน่วยสามารถนับคะแนนได้อยู่แล้ว ไม่ได้นำมาเทรวมกันแล้วนับ เพราะแต่ละเขตก็ประกาศผลในหน่วยเลือกตั้ง ไม่ใช่ประกาศผลรวมทั้งประเทศ รวมถึงการนำคะแนนเพื่อมาคำนวณระบบบัญชีรายชื่อก็ไม่ยุ่งยาก เพราะเวลารายงานก็ต้องแจ้งชื่อเบอร์ผู้สมัครและพรรคการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งหากระบบนี้จะทำให้การประกาศผลเลือกตั้งช้าไปบ้าง 1 ถึง 2 ชั่วโมงก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเดิมกำหนดให้ประกาศผลอย่างเป็นทางการภายใน 30 วัน แต่ครั้งนี้ให้ประกาศผลภายใน 60 วัน และประชาชนก็ไม่สับสน เพราะผู้สมัครหนึ่งเขตมีพรรคละ 1 คน จึงไม่มีปัญหาว่าพรรคการเมืองใดจะได้หลายเบอร์ในเขตนั้น เว้นแต่เป็นพรรคการเมืองนอมินี