เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำตรวจรัฐสภาใหม่ เผยคืบหน้า 38% ตั้งเป้าเสร็จสิ้นปี 62 ให้ข้าราชการใช้ปี 63 บอกไม่รู้เรื่องทุจริต แต่ยุคนี้ไม่มีใครกล้าแน่ ด้าน ซิโน-ไทย ท้านักการเมืองบอกให้ชัดโกงตรงไหน อย่าพูดตีขลุม แจ้งความจับเลยได้ รับขาดทุน ปัดเปลี่ยนแบบเพื่อให้ได้เปรียบ ชูสะอาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่รัฐสภาแห่งใหม่ ถ.เกียกกาย เมื่อเวลา 10.00 น. นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำสื่อมวลชนตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมกล่าวบรรยายว่า ขณะนี้ภาพรวมความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 38% และตั้งเป้าจะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และมีความตั้งใจจะนำข้าราชการ พร้อมด้วย สมาชิกรัฐสภาเข้าใช้ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ในเรื่องปัญหาการทุจริตนั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นเป็นอย่างไร เพราะตนเข้ามาในยุรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมีคำสั่งห้ามทุจริต บางคนไม่เข้าใจ อะไรนิดหน่อยก็บอกว่าทุจริต ยืนยันว่า ในยุค คสช. ไม่มีใครกล้าทุจริตแน่นอน
ด้าน นายพีระ นาควิมล ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักการเมืองที่บอกว่ามีการทุจริตในโครงการ ตนขอให้ออกมาบอกชัดเจนว่า มีการทุจริตตรงไหนบ้าง อย่าออกมาพูดแบบตีขลุม หรือจะแจ้งความจับการทุจริตเลยก็ได้ ท่านสามารถให้หน่วยงานใดก็ตามเข้ามาประเมินโครงการนี้ได้ทันที ตอนนี้งานก่อสร้างดังกล่าว มีงบประมาณขาดทุนอยู่ จึงไม่ทราบว่าจะเอาเงินมาทุจริตตรงไหนได้บ้าง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า แผนการก่อสร้างรัฐสภาได้มีการเปลี่ยนแบบเพื่อให้บริษัท ซิโน-ไทย ได้เปรียบนั้น ขอชี้แจงว่า ไม่มีแน่นอน และหาสงสัยสามารถขอเอกสารได้ที่ที่ปรึกษาโครงการ ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างรัฐสภาเป็นโครงการที่สะอาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา อย่างไรก็ตาม ในปลายปี 2562 รัฐสภาจะสร้างเสร็จแน่นอน แต่ถามว่าจะอยู่ได้หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับตน เพราะแรกเริ่มโครงการดังกล่าวมีงบประมาณ 1,200 ล้านบาท สำหรับพื้นที่ 307,500 ตารางเมตร แต่เมื่อก่อสร้างจริงกับพบว่า ใช้พื้นที่มากกว่าที่ตั้งไว้เดิม ดังนั้นงบประมาณ 1,200 ล้านบาท บางส่วน จึงต้องนำออกไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ขณะที่ นายโชติจุฑา อาจสอน ที่ปรึกษาบริษัท ซิโน-ไทย ชี้แจงว่า ถ้าไม่มีปัญหาคาดว่า เสร็จตามกำหนดแน่นอน แต่มี 2 ส่วน ที่หากไม่เสร็จจะได้รับผลกระทบ คือ 1. งานเทคโนโลยี โสตทัศนูปกรณ์ และงานสาธารณูปโภค จำนวน 3,570 ล้านบาท และ 2. งบประมาณที่อยู่ระหว่างการออกแบบแต่ยังไม่รับการอนุมัติงบประมาณดังกล่าวจำนวน 4,700 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งต้องได้รับอนุมัติในปีงบประมาณปี 2561 และ ปี 2562