หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล เผยนายกฯ ย้ำทำระบบวงจรปิดให้สมบูรณ์ จนใช้งานได้ในระดับหนึ่ง ระบุสั่งแม่ทัพภาคที่ 4 เข้มโครงการพาคนกลับบ้าน คัดแล้วเหลือ 3,600 ราย ยันมีประโยชน์ ยังเดินหน้าต่อ ชี้อากาศยานไรคนขับมีความจำเป็นต้องใช้เพิ่ม พร้อมผลักดันพลังงานทดแทน เชื่อยึดทรัพย์ “ยิ่งลักษณ์” ไม่กระทบปรองดอง
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม คณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล ถึงการแก้ไขปัญหากล้องวงจรปิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในการดูแลระบบกล้องซีซีทีวีให้มีความสมบูรณ์ ขณะนี้สามารถใช้งานได้ระดับหนึ่งเนื่องจากมีระบบซ่อมและมีการติดตั้งเพิ่มเติม ตนจะย้ำไปทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าอีกครั้ง เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่ใช้ในการป้องกันการก่อเหตุความรุนแรง และใช้ติดตามคนร้ายหลังก่อเหตุ
พล.อ.อุดมเดชยังได้กล่าวถึงโครงการพาคนกลับบ้าน ภายหลังมีคนที่เข้าโครงการดังกล่าวไปก่อเหตุวางระเบิดที่ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี ได้คุยกับ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 แล้วว่าให้ปรับปรุงโครงการพาคนกลับบ้านให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยมาดูจำนวนคนที่เข้าโครงการประมาณ 4,500 คน โดยมาพิจารณาว่าในจำนวนนี้จะมีใครที่ต้องแยกออกไป ซึ่งเราจะใช้คำว่าเซตซีโร่ คือเป็นคนที่มีความประพฤติดี และเราได้มีการติดตามพฤติกรรมผ่านขั้นตอนการทำความเข้าใจ และให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่ได้คัดไว้แล้วประมาณ 3,600 คน ส่วนที่เหลือให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่าโครงการพาคนกลับบ้านมีประโยชน์และยังเดินหน้าต่อไป
พล.อ.อุดมเดชกล่าวถึงการนำอากาศยานไร้คนขับ หรือยูเอวี มาใช้ในพื้นที่ ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและขณะนี้ยังไม่เพียงพอ แต่ให้แก้ปัญหาโดยเน้นด้านการข่าวให้มีความชัดเจน และนำยูเอวีไปใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เพิ่มเติมในการตรวจการณ์ ลาดตระเวน และหาข่าว ส่วนการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้ไม้ยาง และยางพารา ทะลายปาล์ม ที่มีปัญหาในเรื่องราคา สามารถส่งมาผลิตไฟฟ้าชีวมวลได้ ซึ่งในพื้นที่การตั้งโรงไฟฟ้าขนาดเล็กอยู่ แต่ยังไม่เพียงพอแต่เราจะมีการผลักดันให้มีพลังงานทดแทนให้มากขึ้น ถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากยางพารา ในรอบเดือนที่ผ่านมางานในคณะผู้แทนพิเศษทั้ง 7 กลุ่มที่ได้แบ่งงานกันไปมีความคืบหน้าและตนก็รู้สึกพอใจ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดชปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่รัฐบาลจะสามารถนำเงินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว โดยระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ถือว่าเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องเดินไป ทั้งนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ในภาพรวมเป็นเรื่องของกฎหมายที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความสามัคคีปรองดอง