แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หยันสัญญาประชาคม อ่านแล้วเหมือนสรุปประเด็นจากรายการคืนความสุขฯ ไม่ใช่ตัวชี้วัดปรองดองคืบ ยันเสื้อแดงทำครบถ้วนแล้ว จวก “ประยุทธ์” ไม่เคยต้องรับผิดชอบตั้งแต่วันยึดอำนาจ ถ้าแก้ปัญหาแล้วเสียหายประชาชนก็รับไป ชี้รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก กติกาไปคนละทาง ทำสัญญาเอาไปไว้โชว์โก้ๆ
วันนี้ (19 ก.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงสัญญาประชาคม 10 ข้อ ว่า แม้คณะทำงานจะอธิบายว่า เนื้อหาสัญญาประชาคมทั้ง 10 ข้อ มาจากการรับฟังความเห็นทุกฝ่าย แต่ตนอ่านแล้วรู้สึกเหมือนการสรุปประเด็นจากรายการคืนวันศุกร์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดมากว่า 3 ปี เพราะเรื่องพวกนี้เป็นหลักทั่วไป พูดอีกก็ถูกอีก สัญญาประชาคมจึงไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าการปรองดองมีความคืบหน้า ทั้งนี้ ในส่วนของ นปช. ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ควรทำครบถ้วนแล้ว ทั้งการประกาศให้ความร่วมมือ ไม่เป็นอุปสรรค และแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาในทุกขั้นตอน โดยยึดหลักคือ การสร้างความปรองดอง และหลักประกันในการป้องกันความขัดแย้งต้องอยู่บนหลักการประชาธิปไตย หลังจากนี้ เป็นขั้นตอนสำคัญ คือ การปฏิบัติซึ่งอยู่ในมือนายกฯ โดยตรง เพราะท่านเป็นผู้ถืออำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว
“ตั้งแต่ต้นท่านก็ชี้ว่าอันนี้เอา อันนั้นไม่เอา เรียกว่าปรองดองแบบตามใจเป๊ะ แต่สุดท้ายกลับบอกว่า ถ้าล้มเหลวจะให้เป็นความรับผิดชอบของประชาชน ถือว่าพูดง่ายแต่เข้าใจยาก เพราะที่จริงตั้งแต่วันยึดอำนาจ ท่าน และคณะไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว ทางกฎหมายก็นิรโทษกรรมตัวเอง ทางการเมืองก็อ้างว่าไม่เกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่เข้ามาแก้ปัญหา ออกคำสั่งหรือกฎหมายอะไรผิดพลาด ความเสียหายที่เกิดขึ้นประชาชนก็รับไป” แกนนำ นปช. กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า พูดตรงๆ ถ้าเอารัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก และกรอบกติกาต่างๆ ที่วางไว้มาเทียบเคียงกับแต่ละข้อในสัญญาประชาคมก็จะเห็นความจริงว่าไปกันคนละทาง ถึงที่สุดจะกลายเป็นว่าสัญญาประชาคมเอาไปเป็นโชว์รูมไว้โก้ๆ แต่ของจริงคือกลไกอำนาจที่ล็อคทิศทางประเทศเอาไว้แล้วหรือไม่