xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคนคนปนข่าว : กองทัพไทยขาช้อป ซื้ออาวุธจีน อุดหนุนอาวุธเมกา ถ่วงดุลความสัมพันธ์มหาอำนาจ-“รัฐบาลลุงตู่ 4.0” แค่ปัญหา “อูเบอร์-แกร็บคาร์” แก้ไม่ตก ลงท้ายก็ชะงักอยู่แค่ “ไทยแลนด์ 0.4”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** กองทัพไทยขาช็อป ซื้ออาวุธจีน อุดหนุนอาวุธเมกา ถ่วงดุลความสัมพันธ์มหาอำนาจ

ดูท่าคนใหญ่คนโตในรัฐบาล คสช. เริ่มสับสนในสถานะของประเทศตัวเอง หลงลืมไปว่าไทยเราเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก .. จากแต่ก่อนที่พอมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะเตรียมตัวแล้วว่า จะไปเจรจาต้าอวย - หว่านล้อมให้เขาซื้ออะไรเรา มาเดี๋ยวนี้เวลาจะเป็นอาคันตุกะไปเยือนประเทศไหน เห็นแต่ข่าวว่า ตั้งหน้าตั้งตาจะไปช้อปปิ้งซื้อของอะไรกลับมาจนเคยตัว .. ดูอย่าง กระทรวงกลาโหม ที่มีการประชุมสภากลาโหมไปเมื่อวาน โดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน กูลีกูจอสั่งการให้เหล่าทัพเร่งสรุปจำนวนชนิดยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ ทำ “บัญชีอาวุธยุทโธปกรณ์” พร้อมแจ้งความต้องการในการเสริมขีดความสามารถของกองทัพให้เสร็จภายสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ .. เรื่องของเรื่องก็จะฝาก “ออเดอร์” ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่ใกล้จะมีคิวไป เยือนสหรัฐฯ ตามที่ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ยกหูมาเชิญเมื่อไม่นานมานี้ .. เหมือน “บิ๊กตู่” เปิดบริการ “รับหิ้วสินค้าจากอเมริกากลับไทย” ยังไงอย่างนั้นแหละ
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์
เห็น “เสธ.ต้อง” พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม พูดทำนองว่า “เผื่อฟลุ๊ก” ทางอเมริกาจะใจดียกให้ “ฟรีๆ” .. เรื่องสหรัฐฯยกยุทโธปกรณ์ให้เปล่ากับหลายประเทศไม่ใช่เรื่องแปลก ทำอยู่เป็นประจำ แต่ก็ต้องถามใจ “ทรัมป์” ดูว่ามอง “ไทยแลนด์” ในสถานะไหน .. มีอย่างที่ไหน หันไปซื้ออาวุธจีนโครมๆ พอไปอเมริกา จะไปขอฟรีซะงั้น เอาแค่ปีนี้ 3 ล็อตใหญ่ๆ รถถัง-เรือดำน้ำ-รถยานเกราะ พะยี่ห้อ “เมด อิน ไชน่า” ล้วนๆ ฝันไปเต๊อะว่า ไปงวดนี้จะได้หิ้วของฟรีกลับมาง่ายๆ .. ในการแถลง “เสธ.ต้อง” ก็พูดเองว่า ช่วงนี้ “กองทัพไทย” หันไปซื้ออาวุธจากจีน เพื่อเป็นการถ่วงดุลทางสหรัฐฯ ซึ่งก็รู้ๆ อยู่ว่าทางสหรัฐฯมองตาเขียวปั๊ด .. “นายกฯตู่” ไปรอบนี้ ไม่ได้ของฟรีกลับมาไม่ว่า ระวังเถอะเจอขอให้ถ่วงดุล ซื้ออาวุธสหรัฐฯมั่ง ก็ปฏิเสธไม่ออก .. ทีนี้ก็เข้าทาง “คนทางนี้” ที่เกร็งข้อรอรับลูกอยู่แล้ว ที่สั่งให้เหล่าทัพสำรวจทำ “บัญชีอาวุธยุทโธปกรณ์” ก็ไม่ได้ทำเล่นๆ หรอกนะ .. ถ้าการซื้ออาวุธทางโน้นที ทางนี้ที อ้างว่าเป็นการ “ถ่วงดุล” ทำไปทำมาชาติคงล่มจม โดยเฉพาะภาวะตอนนี้ที่บักโกรกสุดๆ ถึงขนาดมีข่าวลือให้แซ่ดว่า ธนาคารกลางอย่าง “แบงก์ชาติ” เจ๊งกะบ๊งต่อเนื่อง จนตัวเลขเงินคงคลังใกล้ติดลบอย่างเป็นทางการเรียบร้อยโรงเรียน คสช. .. สำเหนียกเงินในกระเป๋าตัวเองซักนิด ก่อนคิดจะเอางบประมาณแผ่นดินไปเอาใจใครเขา แล้วถ้าคิดจะ “ถ่วงดุล”

เรื่องอาวุธจริงๆ ก็ไม่ต้องซื้อเลยตั้งแต่ต้น ง่ายกว่าไหม .. หรือจะให้ดีเอาข้าวไทย - ยางพาราไทย - ผลไม้ไทย ไปขายเขาถูกหน่อย ก็น่าจะได้มิตรจิต - มิตรใจกันแล้วมั้ง

** “รัฐบาลลุงตู่ 4.0” แค่ปัญหา “อูเบอร์ - แกร็บคาร์” แก้ไม่ตก ลงท้ายก็ชะงักอยู่แค่ “ไทยแลนด์ 0.4”

ปรากฏการณ์ คนขับรถแท็กซี่ ล้อมรถอูเบอร์ - แกร็บคาร์ ยังมีให้เห็นเรื่อยๆ เดือดปุดๆ อยู่ทุกขณะ .. ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน “พี่แท็กซี่” ยังยกระดับมาก่อม็อบล้อมกรอบรัฐสภา ในระหว่างการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีการพิจารณากระทู้ถามของ “ครูหยุย” วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ที่ถามกระทรวงคมนาคมถึงมาตรการทำให้บริการรถยนต์ป้ายดำผ่านแอปพลิเคชัน หรือ “อูเบอร์ - แกร็บคาร์” ให้ถูกกฎหมาย เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้บริการรถยนต์สาธารณะ พร้อมเสนอให้ไม่ต้องแก้ไขกฎหมายเดิม ให้ออกกฎหมายใหม่ไปเลย .. ทำเอาบรรดา “แท็กซี่มิเตอร์” ที่ทราบข่าวอดรนทนไม่ไหว ยอมเจียดเวลาวิ่งรถทำมาหากิน มาถือป้ายประท้วง “ครูหยุย” เย้วๆอยู่หน้าสภาฯ แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย .. สงครามระหว่าง “แท็กซี่มิเตอร์” กับ “อูเบอร์” ไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นมาร่วมปีแล้ว มีข่าวการล้อมกรอบทำร้ายกันไม่เว้น แต่ก็น่าแปลกใจไม่น้อยที่กระทรวงคมนาคมในยุค 4.0 ยังไม่ขยับหาทางแก้ไข จนมีการพูดกันว่า อาจจะต้องนองเลือดเสียก่อน ทางกระทรวงคมนาคมถึงจะคิดทางแก้ไขออก .. ตอนนี้ก็เห็น กรมการขนส่งทางบก ผู้รับผิดชอบหลักได้แต่กระแอม แฮ่มๆ ว่า “อูเบอร์ - แกร็บคาร์” ผิดกฎหมายใช้รถผิดประเภท หากพบเห็น ตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้ทันที

ที่น่าสนใจอีกก็คือว่า ตลอดระยะเวลาที่เกิดกระแส “แท็กซี่มิเตอร์” กับ “อูเบอร์” ขึ้นมา ฝ่ายเจ้าถิ่นอย่าง “แท็กซี่มิเตอร์” ที่พยายามตราหน้าทางผู้มาใหม่อย่าง “อูเบอร์ - แกร็บคาร์” ว่า เป็นรถผิดกฎหมาย ไม่สมควรสนับสนุน และต้องดำเนินคดีอย่างจริงจัง .. ไม่เท่านั้นยังบอกด้วยว่า “อูเบอร์ - แกร็บคาร์” มาแย่งอาชีพทำกิน แต่ในระหว่างนั้นเอง “พี่แท็กซี่” ก็ไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขการบริการของตัวเองให้ดีขึ้น จากที่เคยบอกว่า “แท็กซี่ไม่ดี” มีน้อย กลายเป็นตรงกันข้ามมีดราม่าแท็กซี่ให้ได้ยิน-ได้อ่านตามโซเชี่ยลไม่เว้นแต่ละวัน .. จนมีคนพูดตอกหน้ากลับไปว่า ไม่ได้มีใครมาแย่ง “พี่แท็กซี่” ทำมาหากิน แต่ “พี่แท็กซี่” ต่างหากที่ปฏิเสธไม่ทำอาชีพตัวเอง ด้วยข้ออ้างสุดคลาสสิก “ก๊าซหมด - ส่งรถ - ไกลเกิน - รถติด - ขอเหมา” .. หรือบางคันก็ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร แต่ก็จะเจอขับอ้อม-จ่ายแพง-หยาบคาย เหมือนบีบให้ผู้โดยสารต้องหาทางเลือกใหม่ จนมี “อูเบอร์ - แกร็บคาร์” อะไรเหล่านี้เข้ามา ที่แม้จะจ่ายแพงกว่าหน่อย แต่ก็ไม่ต้องวัดดวง บริการดี-มารยาทงาม สร้างความมั่นใจมากกว่าการแท็กซี่ปกติ .. จนกำลังกลายมาเป็นวัฒนธรรม ก็โดนขั้นด้วยเรื่องที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับนี่แหละ .. ทุกฝ่ายก็กำลังชะเง้อรอให้ “รัฐบาลลุงตู่ 4.0” หาทางออกเรื่องนี้อยู่นะขอรับ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล
** ไม้ล้มขอนนอนไพรที่กาฬสินธุ์ “พะยูง” ต้นไม้เจ้าปัญหา หรือการใช้อำนาจ “ข้าราขการไทย” มีปัญหา

กลายเป็น “นักบุญของคนยาก” ไปเฉยเลย .. “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เจียดเวลาทำคดีใหญ่ หันมาใส่ใจทุกข์ชาวบ้าน สั่งการ “น้องรักมือซ้าย” อย่าง พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 (ผบก.ส.4) ไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ที่ต้องประสบปัญหาเดือดร้อน “ไม้ล้มขอนนอนไพร” ทับหลังคาบ้านพัก จนอาศัยอยู่ไม่ได้มานานกว่า 3 เดือน .. ที่มันเป็นเรื่องก็เจ้าไม้ที่ล้มตายลงมาเองนั้น ดันเป็น “ไม้พะยูง” ที่รู้กันดีว่าเป็น “ไม้หวงห้าม” ที่ห้ามตัดเองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะอยู่ในที่ดินตัวเองก็ตาม .. ถ้าจำกันได้เมื่อปลายปีกลาย ก็เคยมีกรณีชายวัย 70 และ 80 ปี ตัดไม้พะยูงในที่นาตัวเอง จนโดนจับยัดคุกมาแล้ว .. มาคราวนี้ “เจ้าของบ้าน” ก็โร่ไปขอความช่วยเหลือหลายหน่วยงานในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งศูนย์ดำรงธรรม-สำนักงานป่าไม้ ก็ปิดออดที่จะเข้าไปช่วยเหลือ .. จนมาถึงหู “บิ๊กปู” สั่งการผ่าน พล.ต.ต.ชยพล ให้ ผกก.สภ.ยางตลาด อาศัยอำนาจตาม ป.วิ.อาญา สั่งการให้มีการตัดไม้พะยูงที่หักโค่นเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ก่อนทำบัญชีควบคุมไม้ส่งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เรียบร้อย

น่าสงกะสัยไม่น้อยว่า “ไม้มงคล” ที่มีราคาสูงอย่าง “ไม้พะยูง” จึงกลายมาเป็น “ต้นไม้เจ้าปัญหา” ไปได้ .. ก็ต้องบอกว่า “รัฐบาล คสช.” นี่แหละ กับคำสั่ง 106/2557 ที่ก้าวข้าม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 สั่งให้ “ไม้พะยุง” เป็น “ไม้หวงห้าม” ห้ามตัด - แปรรูป ผิดกฎหมายทุกกรณี ทำให้การชี้ถูกผิดอยู่ที่อำนาจของเจ้าหน้าที่ ที่ทุกกรณีก็ต้อง “เพลย์เซฟ” ฟันโชะทันทีว่าผิดกฎหมาย ขัดคำสั่ง คสช. ทำไปทมากลายเป็น “การใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ” .. อย่างกรณีที่กรณีชายวัย 70 และ 80 ปี ตัดไม้พะยูงในที่นาตัวเองเมื่อปีก่อนนั่นไง พอเจอกระแสสังคมถล่ม ก็กางกฎหมายช่วยกันแทบไม่ทัน .. ก็มันแปลกไง คนอะไรเป็นถึงเจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิ์ตัดไม้ในที่ดินของตนเองได้ .. เหมือนเรียนผูกไม่ได้เรียนแก้ ดีแต่ใช้อำนาจ ไอ้นั่นผิด ไอ้นี่ผิด แต่ไม่คิดแนะนำ-หาทางแก้ไขให้ กรณีที่ จ.กาฬสินธุ์ ขอความช่วยเหลือจาก “ท้องถิ่น” แทบทุกระดับ เจ้าหน้าที่ก็มึนตึ้บทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ขู่ว่าอย่าไปตัด - อย่าไปยุ่ง มันผิดกฎหมาย จะติดคุกเอา ได้แค่นี้จริงๆ ราชการไทย ไม่ได้คิดหาทางช่วยเหลือให้เลย .. แค่คำสั่งฉบับเดียวที่ถือเป็นการเปิดทางให้มีการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ดุลพินิจแบบเถรตรง ที่ไม่ดูบริบทที่เกิดขึ้นแบบนี้ นับวันจะยิ่งอยู่ยากนะเมืองไทย


ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น