โฆษกกองทัพบก ย้ำเฮลิคอปเตอร์ AW 139 หยุดบินไม่จริง ยังใช้งานอยู่ แต่พบบางจุดที่ต้องแก้ไขจึงให้บริษัทส่งอะไหล่มาเปลี่ยน ได้ครบหมดแล้ว เผยยังอยู่ในระยะประกัน ถ้ามีปัญหาก็เคลมได้ พร้อมแจกข้อมูลแจงยิบ
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ รุ่น AW 139 หรือออกุสตา ได้ระงับการบินว่า ไม่เป็นความจริง เครื่องบินทั้ง 2 ลำที่กองทัพบกดูแลไม่ได้มีการหยุดใช้งาน และมีตารางการบินเพื่อไม่ให้ผิดกฎนิรภัยการบิน เพราะเครื่องบินลำแรกจะมีอายุครบ 300 ชั่วโมง จึงต้องทำรายงานถึงผู้บังคับบัญชา ในการดูแลซึ่งเครื่องบินลำดังกล่าวยังอยู่ในระยะประกันจากประเทศผู้ผลิต เมื่อพบบางจุดที่ต้องทำการแก้ไขจึงทำหนังสือเพื่อให้ทางบริษัทส่งอะไหล่ที่ต้องการเปลี่ยน ทั้ง 21 ชิ้น ซึ่งได้ครบตามระยะเวลาที่ขอไปจนครบจำนวน โดยระหว่างนั้นก็ยังคงใช้เครื่องบินปฏิบัติภารกิจตามปกติ
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีอีก 1 ลำที่จะต้องดำเนินการลักษณะเช่นนี้ เพราะยังอยู่ในระยะประกัน เช่นเดียวกับอีก 2 ลำที่เป็นงบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรีในการจัดซื้อ โดยให้ทางกองทัพบกเป็นผู้ดูแล ยืนยันว่า 2 ลำของสำนักนายกฯ ที่นำขึ้นบินปฏิบัติภารกิจในขณะนี้ เพราะต้องการทดสอบ ในระยะประกันหากมีปัญหาก็สามารถเคลมประกันได้ในระยะเวลาที่กำหนดในปี 2560 นี้ อย่างไรก็ตาม เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 4 ลำไม่ได้มีปัญหาหาอะไร สามารถปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายได้ทันที
“ทั้งนี้ ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองการบินกองทัพบกได้นำเอกสารเป็นสมุดสั่งการบินมาแสดงให้ได้เห็นว่าตลอดระยะเวลาที่ได้รับเครื่องทั้ง 4 ลำมานี้ได้มีการบินปฏิบัติภารกิจตลอดระยะเวลาที่ได้รับมอบหมาย โดยมีการเขียนรายงานถึงผู้บังคับบัญชาในการเร่งรัดชิ้นส่วนซ้อมเพื่อมิให้อากาศยานงดบิน ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ต้องเขียนรายงานถึงผู้บังคับบัญชา ทำให้ยังมีการบินอย่างต่อเนื่อง” พ.อ.วินธัยกล่าว
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวมีความคุ้มค่าในหลายมิติ และมีการบริการหลังการขายที่เป็นไปตามคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์พิจารณา เนื่องจากมีศูนย์ซ้อมอยู่ประเทศมาเลเซีย และมีศูนย์ซ่อมสีชัง ฟลายอิ้ง เซอร์วิส ที่อยู่ในประเทศไทย
จากนั้นได้มีการแจกจ่ายข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้ กรณีที่มีรูปถ่ายหนังสือราชการที่สื่อมานำเสนอนั้น เป็นหนังสือฉบับ ตั้งแต่เมื่อปี 2558 ลักษณะเนื้อหาเพื่อนำเรียนหน่วยตามสายการบังคับบัญชาเพื่อเป็นข้อพิจารณาเท่านั้นว่าที่หน่วยใช้เสนอความต้องการอะไหล่เพิ่มเติมไปบางรายการ เพื่อปรนนิบัติบำรุงวงรอบ 300 ชม. ที่หากเกิดได้มาล่าช้าอาจจะมีผลกระทบต่อการหยุดบินชั่วคราวได้ ซึ่งในการปฏิบัติจริงทางบริษัทฯ ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้ล่าช้า สามารถดำเนินการได้ตามการประสาน เครื่องจึงไม่ได้มีการหยุดบินแต่อย่างใด ซึ่งแต่ละลำมีรายละเอียดดังนี้
ลำแรก ฮ.AW139 หมายเลข 525 เมื่อถึงวงรอบมีการปรนนิบัติบำรุง 300 ชม. นอกจากการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามวงรอบไปแล้วตามขั้นตอน ได้พบความไม่เรียบร้อยในบางจุด แม้ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อระบบการบิน และไม่อยู่ในเกณฑ์บังคับตามหลักทางเทคนิคต้องเปลี่ยน แต่ด้วยยังอยู่ในช่วงเวลารับประกัน ทางหน่วยใช้ต้องการอยากเปลี่ยน ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ไม่ขัดข้อง ด้วยเมื่อทำหนังสือเสนอความต้องการไป ตัวหน่วยใช้ได้ระบุข้อพิจารณาไปด้วยว่า ถ้าหากการสนับสนุนอะไหล่เกิดล่าช้า จะทำให้ “Aircraft on Ground” ส่วนหนึ่งก็เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากทางบริษัทผู้จำหน่าย ทำให้เมื่อมีการสั่งอะไหล่ไปจำนวน 21 รายการ ทางบริษัทฯ จึงรีบส่งมาให้ล๊อตแรกจำนวน 17 รายการก่อนภายในเวลาเพียง 3 วัน ส่วนที่เหลืออีก 4 รายการ ก็ได้มีการจัดส่งมาตามมาให้ใช้เวลาเพียง 8 วันเท่านั้น
ส่วนลำที่ 2 หมายเลข 520 ช่วงนั้นก็ใกล้เวลาปรนนิบัติบำรุง 300 ชม.เหมือนกัน จึงประเมินว่านอกจากรายการอะไหล่มาตราที่ใช้ แล้วยังต้องการอะไหล่บางส่วนเพิ่มเติมอีก 17 รายการ ซึ่งก็อยู่นอกจากบัญชีที่ควรจะมี จึงระบุความต้องการอะไหล่ไปในหนังสือฉบับเดียวกัน สุดท้ายก็ได้รับการสนับสนุนมาตามนั้นทุกรายการและภายในเวลา
สรุปคือทางบริษัทผู้จำหน่ายเมื่อได้รับหนังสือเสนอความต้องการของ ทบ.ไปก็สามารถดำเนินการส่งอะไหล่มาให้ได้ตามรายการ และภายในเวลาที่ต้องการ ทำให้เครื่องทั้ง 2 ลำจึงไม่ได้มีการหยุดบินอย่างที่มีการนำเสนอในสื่อ สามารถดูได้จากบันทึกการบิน หรืออาจเป็นที่รายงานของหอบังคับการบินได้ว่ายังมีความต่อเนื่องในการรับมอบภารกิจ
สำหรับรูปภาพที่สื่อนำมาเสนอเห็นเป็นรูป ฮ.ถูกคลุมผ้าอยู่และมีการทำลูกศรชี้ไว้นั้น ไม่ใช่รูปภาพของ ฮ.AW 139 ทั้ง 2 ลำที่กำลังกล่าวถึงกันอยู่ในขณะนี้ เป็นรูปภาพ ฮ.อีกรุ่นหนึ่งซึ่งยังอยู่ในระหว่างกระบวนการส่งมอบ