xs
xsm
sm
md
lg

“ครูอ้อย เข็มทิศ” ต้องดึงสติ “ใครเป็นโจร-ใครเป็นเครื่องมือโจร” กระแสดราม่ามาจาก “ร่องรอย-ข้อเท็จจริง” ล้วนๆ ฉายา “อ้อย ABC” ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย คนรู้กันทั้งวงการ-อย่าดูเบา “น้ำตาปู” เมื่อ “ยิ่งลักษณ์” เลือกเสียน้ำตาฉลอง 50 ขวบ แผน “นารีพิฆาต”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

ฐิตินาถ ณ พัทลุง
ข่าวปนคน คนปนข่าว



**“ครูอ้อย เข็มทิศ” ต้องดึงสติ “ใครเป็นโจร - ใครเป็นเครื่องมือโจร” กระแสดราม่ามาจาก “ร่องรอย - ข้อเท็จจริง” ล้วนๆ ฉายา “อ้อย ABC” ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย คนรู้กันทั้งวงการ

ยิ่งสาวยิ่งเละ ยิ่งเหลายิ่งแหลม .. กระแสดราม่า“ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต”ขณะนี้ได้ก้าวข้ามประเด็นจิ๊บจ๊อย ที่เป็นจุดเริ่มมหากาพย์ อย่างการแอบอ้างภาพ - ชื่อเหล่าคนดังที่เป็น “ศิษย์ครูอ้อย” หรือกระทั่งการขู่รีดค่าคอร์สราคาแพง จับตลาด “คนใจอ่อนแอ - คนไร้ที่พึ่ง” หากินบนความทุกข์ของผู้อื่น ไปไกลมากแล้ว .. จากเรื่องที่น่าจะจบไม่ยาก กลับถูกต่อความยาวสาวความยืด จนเรื่องบานไม่หุบอยู่อย่างนี้ โทษใครไม่ได้ เป็น“ครูอ้อย” ฐิตินาถ ณ พัทลุง เองที่ดิ้นพล่านไปทั่ว หวังหนี กระแสทางลบที่ถาโถมใส่ จนเหมือน “จุดไฟเผาตัวเอง” ไปทุกขณะ .. ทั้งการไปร้องทุกข์ว่าถูกกรรโชกทรัพย์ กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กระทั่งอธิบดี อย่าง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ก็ยังบอกว่า น่าไปแจ้งความกับตำรวจมากกว่า แต่ก็น่าแปลกที่จนบัดนี้ “ครูอ้อย” ก็ยังไม่ขยับไปพึ่งทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ซักที .. ไม่เท่านั้น “ครูอ้อย” ยังมโนเรื่องเป็นตุเป็นตะ ว่า ข้อมูลที่ถูกเล่นข่าวทางลบผ่านสื่ออยู่ตอนนี้ เป็นข้อมูลที่ “โจรเรียกค่าไถ่” ขู่ไว้เป๊ะ .. มีการบอกด้วยว่า “สื่อ” กลายเป็น “เครื่องมือของโจร - ล่นข่าวให้โจร” ว่าไปนู้น ทำไปทำมาเหมือน “สื่อ” ไปอยู่ใน“แก๊ง 18 มงกุฎ”เรียกค่าไถ่ด้วยซะงั้น .. ถ้า “ครูอ้อย” จะมีข้อมูลขนาดนี้ ก็น่าจะไปพึ่ง “พี่ตำรวจ” ให้ช่วยสืบข่าวอีกทาง เชิญเลยครับที่ สน. ใกล้บ้าน แต่ระวังข้อหา“แจ้งความเท็จ” จะเข้าตัวนะจ๊ะ

ต้องดึงสติกันหน่อยคร่าาา .. ข้อมูลเกี่ยวกับ “ครูอ้อย” ที่สื่อกำลังเล่นข่าว และเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ล้วนแล้วแต่มาจาก “ร่องรอย - ตัวตน” ของ “ครูอ้อย” เองทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องของ ไสว ณ พัทลุง ผู้เป็นพ่อ หรือราคาค่าคอร์สที่แพงหูฉี่ ก็เป็น “ข้อเท็จจริง” มากกว่า “ข่าวเท็จ” ตามที่ครูคนดังนิยามไว้ .. เช่นเดียวกับฉายา “อ้อย ABC” ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นฝีไม้ลายมือในการปลุกปั้น“หุ้นเน่าๆ”ของบริษัทที่ผลประกอบการเจ๊งตลอดศก ให้พุ่งพรวด มีผลประกอบการ 2,600 เท่าในเวลาเพียงปีเดียว เคยมูลค่าไปแตะ 60 กว่าบาทต่อหุ้นมาแล้ว .. ใครไม่ได้ติดตามวงการ “หวยคนรวย” อาจจะคิดว่า “ครูอ้อย” อาจเป็นเหยื่อที่ “เสียท่า” ให้กับ “เจ้ามือ” จับผลัดจับผลูเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ“หุ้น ABC”เหมือนกับรายย่อยคนอื่นๆ .. ตลอดจนการชักชวน “ลูกศิษย์ลูกหา” ให้แห่ขึ้นดอย ด้วย“มุกแหกตา”สุดคลาสสิก ว่า จะมีทุนจากต่างประเทศเข้ามาร่วมทุน จึงปรารถนาดี ที่อยากให้ลูกศิษย์มั่งคั่งร่ำรวยอันเป็นที่มา ของความสุข ตามหลักคำสอนคอร์สเข็มทิศชีวิต

แต่หากใครได้ติดตาม“ไลฟ์สด”ของครูคนดังเมื่อวันก่อน ที่ออกมาปกป้อง “หุ้น ABC” ราวกับเป็นกิจการของครอบครัว พร้อมให้เหตุผลว่า ที่ยังถือหุ้น ABC อยู่ ก็เพราะลูกศิษย์ยังติดกันอยู่หลายคน .. บางช่วงบางตอนของไลฟ์สดที่ “ครูอ้อย” พูดไปยิ้มไป ก็บอกเหตุผลที่ไม่รู้สึกรู้สากับราคาหุ้นที่อยู่ก้นเหว ก็เพราะมีการ “ตัดขาย” ไปเป็นระยะ แถม “ได้กำไรทุกราคา” เสียด้วย .. ต่างจากลูกศิษย์หลายรายที่หลงขึ้นไป “ติดดอย” แต่พอจะขอลงดอยกลางคัน ก็มักมีคำปลอบประโลมจาก “ครูอ้อย” ทำให้กัดฟัน - ทู่ซี้ถือกันต่อ อย่าง“เซียนบอส”ที่เขียนถึงไปเมื่อวาน .. จนกลายเป็น “โศกนาฏกรรม ABC” ที่ “รายย่อย - แมงเม่า” ตายเป็นเบือ .. น่าข้องใจว่า “คนสติดี” ที่ไหนจะยอมถือหุ้นเน่าๆ อยู่ ทั้งๆ ที่แทบจะไม่เหลือซากแล้ว แสดงว่า ถ้าได้ผ่านคอร์สเข็มทิศสักคอร์ส คงจะทำให้มอง “โลกสวย” โลกนี้เป็นสีชมพูไปหมด หรือเป็นเพราะหลงคารม “คุณครู” ที่นับวันจะยิ่งแถสีข้างถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
** อย่าดูเบา “น้ำตาปู” เมื่อ “ยิ่งลักษณ์” เลือกเสียน้ำตาฉลอง 50 ขวบ แผน “นารีพิฆาต” ของแสลงรัฐบาลทหาร

โบราณว่าอย่าไปรีดเลือดกับปู แต่“น้ำตาปู”มีตลอดทุกเทศกาล .. ขอร่วมเบิร์ธเดย์ ในโอกาสที่ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อายุครบ 50 ขวบไปเมื่อวาน เห็นยกคณะพากันไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 50 ปี ที่วัดสระเกศ .. แต่ช็อตเด็ดประจำวัน คงยกให้ “ซีนน้ำตาแตก” ที่ “คุณหนูปู” ร้องไห้ระหว่างการให้สัมภาษณ์ “อีกครั้ง” จากประวัติในอดีตทั้งตอนเป็นนายกฯ หรือตอนพ้นตำแหน่งแล้ว มีหลายต่อหลายครั้งที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องเสียน้ำตาในที่สาธารณะ คงจะเพราะพื้นฐานความ “เซ้นซิทีฟ” ของเพศหญิงเป็นทุนเดิม บวกกับ “ภาระอันหนักอึ้ง” ในยามที่มีอำนาจเป็นผู้นำประเทศ ต่อเนื่องมาถึงวิบากกรรม หลังพ้นตำแหน่งโดยอำนาจพิเศษ .. แต่ก็ไม่อยากให้ “ดูเบา” การหลั่งน้ำตา ในโอกาสอายุครบครึ่งศตวรรษ เพราะถือเป็น “ปรากฏการณ์ทางการเมือง” ในระดับที่มองข้ามไม่ได้

แน่นอนว่า ทางฝั่ง “กองเชียร์” ย่อมรู้สึกเห็นใจในความรู้สึกอัดอั้นตันใจของ “อดีตนายกฯปู” ที่ถูกเล่นงานหนักเอาการตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เมื่อได้โอกาสพูดความในใจ บรรยากาศพาไป น้ำตาก็เลยพรั่งพรูออกมาเป็นธรรมดา .. ขณะที่มองอีกด้าน ก็ไม่ผิดที่จะสงสัยว่าเป็น “ความจงใจ” บิ๊วส์บรรยากาศให้มี“ดราม่าเคล้าน้ำตา”เพื่อส่งแรงกระเพื่อมทางการเมืองบางประการ อย่าลืมว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา “คุณหนูปู 6 ล้านไลก์” ยังประคองความนิยมส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็น “เกราะคุ้มกัน” อย่างที่ทำให้ยังรอดพ้นการถูกเผด็จศึกจากรัฐบาลทหาร อีกทั้งเป็นการเลี้ยงกระแสให้ยัง “ขายได้” ในยามที่ต้องการคะแนนเสียงในอนาคต จึงฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแหกว่า “น้ำตาปู” เมื่อวานนี้ แฝงไปด้วยนัยทางการเมืองอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ เรตติ้ง-คะแนนนิยม ใน“รัฐบาลลุงตู่”กำลังตกต่ำ จนกระแส “ลุงตู่ฟีเวอร์” ก็ยังฉุดไม่อยู่ กับห้วงเวลาที่กำลังมีการตระเตรียมเรื่องการเลือกตั้ง ก็มีกระแสโจมตีในประเด็นหนักๆ จากเหล่าลิ่วล้อแถวสอง-แถวสาม .. อีกทั้งความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่กวนใจ คสช. มาตลอด อย่าง “กลุ่มดาวดิน” ที่เพิ่งถูกทหาร-ตำรวจ เข้าค้นรังดักจับกระตั้ว ในวันที่ “นายกฯตู่” ไปเยือน จ.ขอนแก่น ก็ถูกเล่นประเด็นการตรวจค้นโดยไม่มีหมายศาล จากทางฝั่ง “แอคทิวิต” ตลอดทั้งวัน .. การระดมสรรพกำลังเข้ากระหน่ำใส่ “รัฐบาล คสช.” หลังจากนี้ในรูปแบบต่างๆ จึงถือเป็นโอกาสเหมาะเหม็ง .. โดย “น้ำตาปู” ก็เป็นหนึ่งในอาวุธตามแผน“นารีพิฆาต”ที่น่าจะเป็นของแสลงของชายชาติทหารยิ่งนัก
กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
**“มาดามน้อง” เปลี่ยนใจกะทันหัน โผล่เป็นประธานเปิด “สงขลาเกมส์” จนคนจัดงานเปลี่ยนสคริปต์แทบไม่ทัน หวังกลบเสียงวิจารณ์ ทำงานเอาหน้า

ไม่รู้อะไรไปดลใจให้ “มาดามน้อง” กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา “เปลี่ยนใจ” เดินทางไปยัง จ.สงขลา เพื่อเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 45 “สงขลาเกมส์” ที่สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา เมื่อวันก่อน .. แต่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องหน้าแหก ก็กำหนดการ-หนังสือแทงเรื่อง ก็ระบุชัดว่า ท่าน รมว.ท่องเที่ยวฯ มอบหมายให้ ชวนี ทองโรจน์ ผู้ช่วย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิด “สงขลาเกมส์” ไว้ล่วงหน้าแล้ว .. แต่คงเป็นเสียงวิจารณ์ที่หลุดไปเข้าหู “มาดามน้อง” หรือผู้ที่มีอิทธิพลเหนือว่า “มาดามน้อง” กระมัง จึงเป็นเหตุให้ ท่าน รมว.ท่องเที่ยวฯ ทิ้งภารกิจอื่น แล้วมุ่งลงใต้กะทันหัน แบบที่คนจัดงานก็เพิ่งมั่นใจตอนที่เครื่องบินท่านรัฐมนตรี แตะรันเวย์สนามบิน จนต้องเปลี่ยนสคริปต์งานกันในนาทีสุดท้าย .. การปรากฏตัวของ “กอบกาญจน์” ที่สนามติณสูลานนท์ อาจลบข้อครหาการเอาใจใส่การพัฒนากีฬาของประเทศได้บ้างบางส่วน แต่ข้อกล่าวหาเรื่องชอบ“ออกสื่อเอาหน้า”เกาะกระแสนักกีฬาดัง ทั้งที่ไม่เคยไปเหลียวแล อันนั้นมันพิสูจน์ชัดมานานแล้ว แถมมีเรื่องให้ประจานขายขี้หน้าไม่เว้นแต่ละวัน

ล่าสุด กับกรณีของ “น้องพีช” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข นักแบดมินตันสาวทีมชาติไทย ดีกรีเหรียญทองซีเกมส์ - เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ สร้างชื่อให้กับประเทศมานักต่อนัก เคยพุ่งขึ้นถึงมือวางอันดับที่ 12 ของโลก .. แต่ต้องประสบปัญหาบาดเจ็บอย่างหนัก จนอนาคตนักกีฬาดับวูบ .. ก็ไร้การเหลียวแลจากภาครัฐ ทั้งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา หรือในส่วนของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ .. เห็นอ้างว่า ภาครัฐช่วยเหลือได้ไม่เต็มที่ เพราะดันบาดเจ็บในการแข่งขันระดับอาชีพ ที่ลงในนามส่วนตัวไม่ใช่ในนามทีมชาติ .. อ้าว!! แล้วแบบนี้ “น้องเมย์-รัชนก” นักแบดอีกคน หรือ “น้องเม-เอรียา” นักกอล์ฟสาวมือ 1 ของโลก ก็ลงแข่งในนามส่วนตัว อย่าไป “ห้อย-โหน” เป็นผลงานของภาครัฐ อีกล่ะ.


ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น