เอกอัครราชทูตมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ “ประยุทธ์” ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ขอบคุณความร่วมมือ 6 ปีที่ผ่านมา พร้อมกระชับความร่วมมือข่าวสารด้านความมั่นคง ชมพัฒนาการแก้ไฟใต้ ขยายเวลาด่านควรค่อยเป็นค่อยไป
วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. ดาโต๊ะ นาซีระห์ บินตี ฮุสซัยน์ (Dato’ Nazirah binti Hussain) เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณเอกอัครราชทูตมาเลเซียที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและการขับเคลื่อนกลไกทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยไทยและมาเลเซียจะเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลอง
ด้านความมั่นคง ไทยและมาเลเซียพร้อมกระชับความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและข่าวกรอง รวมถึงการปฏิบัติการในประเด็นความมั่นคงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณมาเลเซียที่อำนวยความสะดวกในการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ โดยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากมาเลเซียต่อไป พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ด้วย ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตมาเลเซียกล่าวว่า เห็นพัฒนาการในแก้ไขสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมแสดงความชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยที่ใช้กระบวนการเจรจาโดยสันติวิธี
สำหรับการขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม 24 ชั่วโมง และการเชื่อมโยงส่วนขยายด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัมนั้น นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรกระทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ควบคู่กับการพิจารณาการกำหนดจุดเชื่อมโยงส่วนขยายของด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เพื่อเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาสภาพจราจรแออัดที่ด่านดังกล่าวอย่างครบวงจรและยั่งยืน
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตมาเลเซียแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ ในไทยอย่างดีมาโดยตลอด พร้อมยืนยันว่ามาเลเซียพร้อมให้การสนับสนุนไทยในทุกด้านเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ และภูมิภาคอาเซียน