อดีต รมว.คลังย้ำ นายกฯ-ครม.มีความผิดแล้ว ฐานไม่สั่งการให้ ปตท.คืนทรัพย์สินให้ครบภายในเวลา 60 วัน หลังรับแจ้งจาก คตง. ล่าสุดพบ คตง.ยังคงมติเดิม จี้ทำตาม พร้อมลงโทษคนละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ติงสำนักข่าวอิศราคิดพาดหัวข่าวเอาเอง ไม่ตรงข้อเท็จจริง
วันนี้ (14 มิ.ย.) เมื่อเวลา 07.27 น. นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Thirachai Phuvanatnaranubala แสดงความเห็นต่อการที่สำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอข่าวหัวข้อ ยังไม่เอาผิดบิ๊กตู่-ครม.! คตง. มอบ สตง. แจ้งเตือนให้ใช้อำนาจสั่ง ปตท.ส่งคืนท่อก๊าซฯ โดยเนื้อข่าวระบุว่า คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีมติเพิ่ม มอบหมายผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าฯ สตง.) ให้ทำหนังสือถึง ครม.แจ้งขอให้ทบทวนมติเมื่อ 21 ก.พ.60 (ที่ให้อัยการสูงสุดยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยการคืนทรัพย์สินของ ปตท.หลังการแปรรูปอีกครั้ง) เปลี่ยนเป็นให้ดำเนินการตามมติที่ประชุมร่วม 4 ฝ่าย คือ คลัง พลังงาน สำนักงานอัยการสูงสุด และ สตง.ซึ่งมติร่วมดังกล่าวขอให้ ครม.สั่งการ ปตท.ให้ส่งมอบท่อก๊าซฯ คืนตามคำสั่งศาลปกครอง โดยเนื้่อข่าวยังระบุว่า ความเห็นของ คตง.ในชั้นนี้ยังไม่ถือว่านายกฯ และ ครม.ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติ คตง.
นายธีระชัยโพสต์ข้อความว่า ในเรื่องนี้ตนมีความเห็นต่าง เพราะเมื่อ คตง.มีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 และ สตง.มีหนังสือแจ้งมติแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อ 25 สิงหาคม 2559 กฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินไม่ได้อนุญาตให้ทั้งผู้รับแจ้ง และ คตง.ทำอะไรนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้เลย เมื่อผู้รับแจ้งไม่ปฏิบัติภายใน 60 วัน และผ่าน deadline มาแล้วกว่า 6 เดือน นายกฯ และ ครม.ย่อมมีความผิดขัดเจน เป็นการที่นายกฯ และ ครม.ปฏิบัติตัวไม่นำพาข้อกฎหมายชัดเจน ไม่เคารพในความศักดิ์สิทธิ์
นายกฯ และ ครม.จะต้องออกคำสั่งตามมติ คตง.ภายในเวลาที่กำหนด ส่วนเมื่อออกคำสั่งแล้วหากว่า ปตท. เห็นว่าไม่สามารถทำตาม และถ้า ปตท.จะไปยื่นร้องเรียนต่อศาลปกครองเพื่อขอแก้ไขใดๆ ก็ตาม ก็เป็นสิทธิของ ปตท.ที่จะกระทำได้ ในเรื่องนี้จึงต้องแยกแยะหน้าที่ของนายกฯ และ ครม.ออกจาก ปตท.ให้ชัดเจน ต่างคนต่างต้องทำตามหน้าที่
ส่วน คตง.ในเมื่อมีมติเดิมไปแล้ว กฎหมายก็ไม่มีข้อบัญญัติใดให้สามารถกลับมติได้ เว้นแต่จะมีข้อมูลว่า มติเดิมเป็นการมิชอบ ซึ่งกรณีนี้ มติ คตง.เดิมนั้นเป็นมติที่ชอบอยู่แล้ว
“ดังนั้น ตามที่ข่าวระบุความเห็นของ คตง.ว่า ในชั้นนี้ยังไม่ถือว่านายกฯ และ ครม.ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมติ คตง.นั้น ผมจึงเห็นว่าไม่ถูกต้อง และขณะนี้มีผู้ที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แล้ว อันเป็นเรื่องที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ที่ควรได้ เกิดขึ้นทุกวัน ทุกวัน ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงจะต้องมีความรับผิดทางแพ่ง ต้องชดใช้ให้แก่รัฐอีกด้วย”
ต่อมาเมื่อเวลา 16.09 น. นายธีระชัยโพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า ได้รับข้อมูลที่ยังไม่สามารถยืนยันเป็นทางการได้ ปรากฏว่า การที่ คตง.มีมติอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 60 เป็นการยืนยันมติเดิมของ คตง.เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 59 มิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงมติเดิม มิใช่เป็นการกลับมติเดิม ดังนั้น เมื่อมติเดิมของ คตง.ยังมีผลบังคับอยู่ การไม่ดำเนินการตามมติ จึงยังเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่นเดิม
“และการพาดหัวข่าวว่า “ยังไม่เอาผิดบิ๊กตู่-ครม.” จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ผมสงสัยว่า สำนักข่าวอิศราคิดข้อความพาดหัวเอาเอง โดยวิเคราะห์เอาเองจากข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือสรุปจากการสัมภาษณ์บุคคลใด”
นอกจากนี้ โดยปกติมติ คตง.เดิมนั้นจะต้องมีการกำหนดให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ และผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ต้องทำการลงโทษบุคคลที่กระทำผิดด้วย
“ผมจึงขอแนะนำให้บุคคลที่ได้รับแจ้ง เร่งรัดการดำเนินการตามมติ คตง.ในเรื่องการลงโทษเหล่านี้ มิฉะนั้น จะเข้าข่ายมีความผิดอีกกรณีหนึ่ง” นายธีระชัยระบุ