“เอนก” เผยผลประชุม คกก.พัฒนาพรรคการเมืองฯ ชี้ร่าง กม.พรรคการเมืองฉบับ กรธ.เข้มงวดเกินไป แนะเลิกเก็บค่าสมาชิก 100 บาท เป็นจ่ายค่าบำรุงพรรคแล้วแต่สมัครใจ เตรียมตั้งวิทยาลัยพัฒนาพรรคการเมืองฯ หวังให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันค้ำประชาธิปไตย
วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าวันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ ที่ กกต.ตั้งขึ้นเป็นครั้งที่ 2 หลังการประชุมนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ แถลงผลการประชุมว่าได้มีมติร่วมกันที่จะจัดตั้งวิทยาลัยพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศ เพื่อที่จะพัฒนาสมาชิกพรรค ผู้ปฏิบัติงานของพรรค ผู้นำของพรรค ทั้งในเรื่องความรู้ สำนึก สติปัญญา บริหารการจัดการ เพื่อจะสร้างให้พรรคการเมืองทั้งหลายพัฒนา เพื่อปฏิรูประเทศตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้จะพัฒนาประชาชนที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการพรรคการเมืองในฐานะผู้สนับสนุน หรือเป็นผู้ที่ติดตามดูแลพรรคการเมืองต่างๆ ว่าทำตามหลักการที่เรียกร้อง หรือหลักสำคัญของรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมอบหมายให้นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการฯ ไปคิดร่วมกับสมาชิกและผู้ทรงคุณวุฒิ หลังรับฟังความเห็นจากที่ประชุม เพื่อนำกลับมาเสนอในการปะชุมครั้งต่อไป
นอกจากนี้ ในการประชุมดังกล่าว ผู้ที่มาจากระบบพรรคได้แสดงถึงความอึดอัดขัดข้องใจกับกฎหมายที่กำลังร่างฯ เนื่องจากมีการเขียนที่จะเป็นการควบคุม ตรวจสอบ กวดขันพรรคการเมืองมากเกินไป โดยผู้มาจากพรรคการเมืองมองว่ามากเกินไปทำไม่ค่อยได้ และบางเรื่องทำไม่ได้เลย แต่เมื่อรู้ว่ากฎหมายร่างฯ มาเสร็จแล้วจะพยายามศึกษาและทำเท่าที่ทำได้อย่างสุดความสามารถ
“มีความหวังว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้ กับ กกต.จะช่วยกันผลักดันพรรคการเมืองให้เจริญรุดหน้าต่อไปได้ และต่างเห็นร่วมกันว่าพรรคการเมืองเป็นสถาบันที่จำเป็นสำหรับประชาธิปไตย ขาดไม่ได้ มีกรรมการท่านหนึ่งบอกว่าประชาธิปไตยไม่ใช่มีเฉพาะแค่การเลือกตั้ง แต่ถ้าขาดการเลือกตั้งก็เรียกว่าระบอบนั้นว่าเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ อันนี้ก็ชี้ให้เห็นความสำคัญของ กกต.ฝ่ายพัฒนาพรรคการเมือง ระบบพรรคการเมือง ที่เข้ามาช่วยในการทำงานปฎิรูปพรรคการเมืองเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ”นายเอนกกล่าว
เมื่อถามถึงเรื่องที่ผู้มาจากพรรคการเมืองเห็นว่ากฎหมายที่ร่างฯ แล้ว กังวลเรื่องใดว่าทำไม่ได้ นายเอนกกล่าวว่า บางเรื่องยืนยันไปแล้วว่า ค่าสมาชิกพรรคคนละ 100 บาท จะทำให้พรรคการเมือง จะกลายเป็นของคนที่อยากจะเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น เพราะว่าถ้าไม่จ่าย 100 บาทก็จะไม่ได้เป็นสมาชิก ไม่เป็นสมาชิกก็จะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง คนที่เป็นผู้สนับสนุน บางคนสนับสนุนด้วยแรง บางคนสนับสนุนด้วยสติปัญญา บางคนสนับสนุนด้วยชื่อเสียงก็จะมาพะวงกับเรื่องการจ่ายค่าสมาชิกพรรค บางพรรคสมาชิกมากอาจจะต้องลดจำนวนสมาชิกลง เพราะคนจะจ่าย 100 บาทได้คงไม่ครบทุกคน ส่วนพรรคที่น้อยอยู่แล้วคงจะพอทำเนา ก็มีคนเสนอว่าน่าจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ค่าสมาชิกและค่าบำรุงพรรค คือ ค่าบำรุงพรรคแล้วแต่จิตศรัทธา และเป็นสมาชิกพรรคจะจ่ายบำรุงพรรคหรือไม่จ่ายก็ได้ แต่ไม่ทราบว่าเขาจะรับฟังและทันหรือไม่
