“ปานเทพ” เผยเคลื่อนไหวเรื่องพลังงานมีเวลาถึงแค่สิ้นปีนี้ หลังคดี ปตท.จ่อหมดอายุความ ลั่นยังหวัง “นายกฯ” ลุกขึ้นปฏิรูปพลังงาน แนะลาออกหากทำไม่ได้ พร้อมตอบคำถามถ้าเลือกตั้งได้นักการเมืองไร้ธรรมาภิบาล ต้องโทษตัวเองที่ไม่สามารถครองใจประชาชนได้
วันที่ 29 พ.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ภายใต้หัวข้อ “ถามกลับนายกฯ เรื่องพลังงาน” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ว่ายุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของ คปพ.ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเงื่อนไขของเวลา อันแรกคือแหล่งเอราวัณ-บงกช จะต้องเปิดให้สิทธิผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ หมายถึงต้องจัดการด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งและจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ (2560) เงื่อนไขที่ 2 เกี่ยวกับอายุความเรื่องท่อก๊าซธรรมชาติ ที่มีข้อสงสัยว่าอาจจะหมดอายุความในธันวาคม 2560 หลังจากมีการโอนท่อก๊าซอย่างไม่ถูกต้อง แล้วยังมีเงื่อนไขเวลาเกี่ยวกับความผิดอันมาจากการรายงานเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดที่อาจหมดอายุความด้วย และรวมไปถึงปี 2550 มีการต่ออายุสัญญาเอราวัณ-บงกช และเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 19-20 ถ้ามีความผิดก็จะหมดอายุความในสิ้นปีนี้ด้วย เพราะฉะนั้นประชาชนไม่มีเวลาเหลือแล้ว ช่วงไม่กี่เดือนต่อจากนี้ต้องรู้ผลและดำเนินการทันที ทั้งหมดมาบรรจบปี 2560 โดยล่าสุดได้เคลื่อนไหวให้เปิดเผยรายชื่อผู้ได้โควตาซื้อหุ้น ปตท. หรือผู้มีอุปการคุณ ช่วงการแปรรูปปี 2544 เพื่อความโปร่งใส ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ยอมเปิดเผยชื่อเลย
จากนั้น เมื่อถามถึงคำถาม 4 ข้อ ที่นายกฯ ได้ฝากให้ประชาชนตอบ ข้อแรก ท่านคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า เป็นคำถามที่มีมิติความกลัวนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่เถียงว่านักการเมืองมีปัญหาจริง แต่พูดถึงเรื่องผลประโยชน์ชาติ มันไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลมาจากรัฐประหารเป็นความหวังของประชาชนในการแก้ไขปัญหาทุจริต คิดถึงประโยชน์ชาติ จะเกิดกรณีที่ประชาชนเผชิญอยู่ได้อย่างไร มันจะเกิดกรณีท่อก๊าซไม่ทำตามมติ คตง. แต่กลับปล่อยปละให้เกิดกระบวนตรากฎหมายทำให้ท่อก๊าซไม่มีความชัดเจนว่าจะทำยังไงจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ คิดแต่เป็นห่วงผู้ถือหุ้นใช่หรือไม่ ฉะนั้นต้องถามกลับไปยังรัฐบาล รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีธรรมาภิบาลหรือไม่ ดูจากเรื่องพลังงาน มีหรือเปล่า ถ้าไม่มีจะไปทวงถามเรื่องธรรมาภิบาลจากนักการเมืองได้อย่างไร
คำถามข้อสอง หากไม่ได้นักการเมืองที่มีธรรมาภิบาลจะทำอย่างไร นายปานเทพกล่าวว่า ต้องตั้งคำถามกลับว่าถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีธรรมาภิบาลต้องทำอย่างไร นายกฯ ต้องทบทวนตัวเองว่าสร้างธรรมาภิบาลหรือไม่ ถ้าไม่มีทั้งคู่ก็ต้องรับผิดชอบ พิจารณาตัวเองว่าเป็นผู้ทำให้เกิดธรรมาภิบาลได้จริงหรือ แล้วหลังเลือกตั้งจะเป็นการพิสูจน์กลไกที่ คสช.จัดทำขึ้น เพราะเป็นคนกำหนดร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเอง ฉะนั้นโทษใครไม่ได้ ต้องโทษรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่ไม่ปฏิรูป จึงไม่สามารถทำให้ประชาชนเห็นถึงความแตกต่างจากนักการเมืองได้
คำถามข้อสาม การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งอย่างเดียวที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ และเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศชาติจะมียุทธศาสตร์และการปฏิรูปหรือไม่นั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง นายปานเทพตอบว่า ยุทธศาสตร์ชาติทำไมถึงกำหนดโดยคนกลุ่มเดียว ที่คิดว่าถูกต้อง ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าถูกต้อง อย่างกรณีปิโตรเลียมยังไม่มั่นใจว่าจะรักษาผลประโยชน์ของชาติ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่ายุทธศาสตร์ชาติ 30 ปีจะมีประโยชน์จริง ทำไมไม่ทำให้ประชาชนตื่นรู้ทางการเมือง เลือกตั้งกี่ครั้งก็จะเกิดความเข้าใจ แต่การที่รัฐบาลไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แสดงว่าการปฏิรูปสังคมล้มเหลวซึ่งเป็นผลจากวันนี้ จะไปโทษนักการเมืองไม่ได้ ถ้าทำให้ประชาชนตื่นรู้จะไม่มีคำถามนี้ แต่ถ้าปฏิรูปจนครองหัวใจประชาชนได้อย่างแท้จริง อย่างเช่นเรื่องพลังงาน ประชาชนจะเรียนรู้บรรทัดฐานใหม่ในการลือกตั้ง ถ้าไม่ทำเรื่องใหญ่ๆ ที่นักการเมืองทำไม่ได้เพื่อครองใจประชาชน ถ้าประชาชนจะกลับไปหานักการเมืองก็ต้องโทษตัวเอง
เรื่องพลังงานนั้นไม่มีสีเสื้อ มีแต่เรื่องผลประโยชน์ของประชาชน คือ การปรองดองของคนในชาติอย่างแท้จริง ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากนักการเมือง ประชาชนก็จะติดหล่มขั้วอำนาจเหมือนเดิม ความแตกแยกก็ไม่มีวันหมดไป
“ผมคาดหวัง สารภาพเลยว่าถ้าพ้นจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แล้ว รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง การปฏิรูปเรื่องปิโตรเลียมพับเก็บได้เลย ที่เรามาเรียกร้องท่านเพราะเราเชื่อว่าท่านเป็นความหวังของเราได้ แล้วถ้าผิดหวัง ประเทศนี้ก็คงหมดเวลาแล้วเพราะสิ้นเดือนธันวาคมทุกอย่างเดดไลน์ผ่านไปหมดแล้ว ถ้าท่านรู้ตัวว่าทำไม่ได้แนะนำให้ออกไป หาคนที่เขาพร้อมทำได้ เพื่อประโยชน์ชาติและประชาชนอย่างแท้จริง” นายปานเทพกล่าว