“บิ๊กตู่” ปาฐกถาเปิดประชุม Thailand Rice Convention 2017 ชูข้าวจำเป็นต่อโลก เผยระบายในสต๊อกได้แล้ว 13 ล้านตัน รวมนับแสนล้านบาท หวังเคลียร์หมดให้ตลาดข้าวสู่ภาวะปกติ ยกยุทธศาสตร์ชาติหวังให้เกิดเสถียรภาพ ขอพ่อค้าคนกลางเห็นใจรัฐ-ชาวนา พร้อมส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่ ตลาดชุมชน สร้างสตอรีให้โลกเห็นคุณค่าข้าว พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น ฝาก พณ.-เกษตรกอดคอร่วมมือ
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม “Thailand Rice Convention 2017” พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การค้าข้าวไทยและทิศทางในอนาคต” ตอนหนึ่งว่า ข้าวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งถือว่าเป็นความจำเป็นของโลกเพราะถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีปัญหาหลายอย่าง เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลและเตรียมการในส่วนของมนุษยชาติ เราจำเป็นต้องรับฟังและแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน ข้าวถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยและอีกหลายประเทศถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศไทย ปัจจุบันเรามีเกษตรกรปลูกข้าวกว่า 4,000,000 ครัวเรือน เรามีเกษตรกรทั้งหมด 10 กว่าล้านคนทำให้มีความสามารถในการผลิตข้าวเพียงพอต่อความต้องการทั้งในและส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศได้ประมาณปีละ 10,000,000 ตัน สร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก ถือเป็นรายได้จากการส่งออกประมาณ 150,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีปัญหามากมายทำให้การผลิตข้าวในแต่ละประเทศมีมากบ้างน้อยบ้าง ต้องมีการเก็บสำรองไว้บ้าง เราจึงจำเป็นต้องมีหลายมาตรการในการให้ความสำคัญทั้งในความต้องการและการผลิต ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าเรามุ่งหวัง แต่เพียงผลิตให้มากเพื่อส่งออกก็เป็นไปไม่ได้เพราะเรามีการแข่งขันกันทั่วโลกจึงต้องมาคิดว่าทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างกัน
“รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อเรื่องข้าวอย่างมาก เรื่องของการสำรองข้าวนั้นประเทศไทยต้องการที่จะแก้ไขข้าวที่อยู่ในสต๊อกของรัฐในอันดับแรก มีการวางกรอบยุทธศาสตร์การระบายข้าวอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถระบายข้าวในส่วนนี้ออกไปได้ซึ่งเรามีทั้งหมดอยู่ 18,000,000 ตัน เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้กดทับตลาดอยู่ ทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระเก็บรักษาเดือนกว่า 1,000 ล้านบาท ผลการดำเนินการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราสามารถระบายได้จำนวน 13,000,000 ตัน มูลค่า 100,000 กว่าล้านบาท ถึงรัฐบาลตั้งใจจะระบายทั้งหมดแต่จะต้องไม่มีผลกระทบ ถือเป็นการลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ตลาดข้าวลงมาสู่ภาวะปกติให้ได้โดยเร็ว เกษตรกรไม่ต้องกังวลรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาข้าวคงเหลือในสต๊อกนั้นทำให้มีผลกระทบต่อวงจรข้าวและการค้าข้าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจำเป็นต้องแก้ปัญหาในเรื่องของความยากจนของเกษตรกรให้ได้อย่างยั่งยืนโดยเร็ว ไม่ทำวันนี้แล้วพรุ่งนี้เลิก จำเป็นต้องทำต่อเนื่องและไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก ดังนั้น ปัญหาเข้าทางระบบจึงมีความซับซ้อนทั้งการผลิต การค้าการส่งออก และการแปรรูป จำเป็นต้องวางแผนสร้างองค์ความรู้โดยอาศัยทั้งเวลาและงบประมาณเพื่อแก้ไขในทุกๆ ปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ถ้าไม่แก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างยั่งยืน ไม่เข้าใจรากเหง้าของปัญหา หรือเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากอะไร ทั้งจากรัฐบาลหรือตัวเกษตรกรก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติไทยอย่างชัดเจน มุ่งหวังให้เกิดเสถียรภาพในทุกๆ ด้านเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ข้าวไทย และทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำในการค้าข้าวและมีนวัตกรรมเกี่ยวกับสินค้าข้าวเป็นที่ยอมรับของสากล รัฐบาลจึงได้วางแนวทางโดยการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวนา การบริหารจัดการพื้นที่ปลูกข้าวและพืชเกษตรอื่นๆ เพื่อให้มีปริมาณและคุณภาพที่ดีตรงต่อศักยภาพของพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การลดต้นทุนการผลิตข้าวถือเป็นสิ่งสำคัญรวมทั้งการยกระดับคุณภาพข้าว การพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนการขนส่ง ผู้ประกอบการตรงกลางต้องเข้าใจและเห็นใจต้องช่วยรัฐบาลและเห็นใจเกษตรกร รวมทั้งผู้ซื้อด้วยทำอย่างไรจะให้เกิดความสมดุล เกิดประโยชน์เท่าเทียมและเป็นธรรม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มิติใหม่ของเข้าไทยเราจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างค่านิยมให้แก่เกษตรกรไทยให้ตระหนักถึงการพัฒนาและการพึ่งพาตัวเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ได้ทรงรับสั่งไว้เพื่อให้เกิดความขับเคลื่อนเกษตรกรสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี เราต้องเจริญเติบโตจากภายในให้ได้ ปัญหาเรื่องหนี้สินของเกษตรกรที่มีอยู่ ตนเข้าใจซึ่งส่วนนี้ก็ต้องแก้ปัญหา เราต้องพยายามแก้ไขและหารายได้เพิ่ม รัฐบาลนี้พร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรในทุกๆ ด้านเพื่อลดต้นทุนในการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพแปรรูปข้าว และส่งเสริมวิจัยนวัตกรรมต่างๆ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่เพื่อต้องการให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันอย่างน้อยประมาณ 1,000 ไร่ขึ้นไป เพื่อลดต้นทุนในการผลิตเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ถ้ากระจัดกระจายแล้วรัฐบาลจะส่งเสริมและสนับสนุนอะไรไม่ได้เลย จึงขอฝากภาคเอกชนช่วยกันดูและให้การสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่เพราะเรามีข้าวหลายประเภท ถ้าเราสามารถเจาะกลุ่มเป็นนาแปลงใหญ่ได้ก็จะมีอำนาจในการต่อรองราคาทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับการเจรจาซื้อขายข้าวในลักษณะของรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจีทูจี ซึ่งจะต้องโปร่งใสเป็นธรรมมีประสิทธิภาพกับประเทศผู้นำข้าว ทั้งจีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียมาเลเซีย อิรัก อิหร่าน ในปี 2557 นั้น รัฐบาลได้ส่งมอบข้าวไปยังต่างประเทศภายใต้สัญญาจีทูจี ประมาณ 3.43 ล้านตัน มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท วันนี้รัฐบาลสนับสนุนกลไกตลาดมารองรับสินค้า โดยเร่งส่งเสริมตลาดชุมชนจากท้องถิ่นโดยตรง เพื่อส่งตรงไปยังตลาดกลาง ศูนย์กระจายสินค้าข้าว เชื่อมโยงตลาดเพื่อนบ้าน ควบคู่ไปกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ภาพลักษณ์ของข้าวไทยมีความโดดเด่นมากขึ้น และเชื่อมโยงวัฏจักรข้าวไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยในลักษณะท่องเที่ยววิถีชุมชน ให้ผู้บริโภคพบปะโดยตรงกับชาวนาไทย รวมถึงตลาดผลไม้ด้วย ซึ่งคนทั้งโลกให้ความสำคัญกับข้าว เพราะคืออาหารโลกในอนาคต ต้องสร้างสตอรีให้เห็นคุณค่าข้าว แยกเป้าหมายคุณภาพของข้าวให้ถูกต้อง เพิ่มการวิจัยพัฒนา ใช้กลไกประชารัฐในการผลิตและจำหน่าย สร้างการรวมกลุ่ม ถ้าไม่เกิดการร่วมกลุ่มการกระจายงบประมาณก็เป็นไปไม่ได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ขับเคลื่อนทำการตลาด กระจายความรู้ เทคโนโลยี โดยเอกชนต้องช่วยลดต้นทุนด้วย โดยเฉพาะที่ต้องใช้เครื่องจักรอย่างโรงสีต้องแบ่งปันกันในช่วงที่ยังไม่พร้อมในหลายๆเรื่อง ต้องเพิ่งพาเกษตรแนวใหม่ โดยไม่ทิ้งเกษตรแนวเดิมที่เป็นรากเหง้า ไม่ใช่แก้ปัญหาปลายทาง ไม่อย่างนั้นปัญหาก็วนเวียนแก้ไม่จบไม่สิ้น ต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดประโยชน์
“ถ้าสามารถเอาข้าวแปรรูปมูลค่าสูงขึ้น ไม่พูดหนี้สินเดิม อันนั้นต้องแก้ปัญหาไป ต้องปรับเปลี่ยนการปลูกพืชเหมาะสมดิน น้ำ สอดคล้องกับความต้องการ สร้างสินค้าข้าวมีมูลค่าเพิ่ม ทำการตลาดเอง กำหนดราคาสินค้าด้วยตัวเอง โดยอยู่ที่คุณภาพ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว โดยทำให้เป็นสินค้าสำคัญที่สุดในการบริโภค และแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น แป้ง เครื่องสำอาง หากทำสำเร็จตลาดจะกว้างขึ้น พร้อมสร้างแบรนด์เพื่อเล่าเรื่องราวของข้าว และเชื่อมต่อผู้ผลิตอย่างเร่งด่วน เนื่องจากชาวนาเดือดร้อนเรื่องรายได้
“ฝากถึงกระทรวงพาณิชย์เรื่องการแก้ปัญหาสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าว ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ซึ่งจะมีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อการพัฒนาข้าวอย่างยั่งยืน โดยทุกหน่วยงานต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ตนไม่ต้องการให้ต่างคนต่างทำ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ต้องทำงานกอดคอไปด้วยกัน ผมจะประเมินทั้งสองกระทรวง รวมถึงกระทรวงอื่นด้วย และฝากภาคเอกชนด้วยว่าจะช่วยประชาชนได้อย่างไรเพื่อทำให้เราเข้มแข็งไปด้วยกัน เราต้องไม่มีคนยากจนมากเกินไปและมีศักดิ์ศรีในการดำเนินชีวิต” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว