ข่าวปนคน คนปนข่าว
ปริศนาฟ้าแลบบบ.. ชักจะยังไงๆ อยู่ ก็จู่ๆ“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ก็ยิงแพกเกจคำถาม หนึ่ง..สอง..สาม..สี่ ออกมา หลักๆ เป็นคำถามเกี่ยวกับการเลือกตั้ง นักการเมือง และเรื่องธรรมาภิบาลหลังเลือกตั้งหน้า ... หนนี้ไม่ได้ถามลอยๆ เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนส่งคำตอบไปที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัดเสียด้วย โดยทุกคำตอบจะประมวล และส่งมาถึงมือนายกฯ แต่ไม่ยักกะบอกว่ามีอะไรเป็นรางวัลแฮะ !?!
ใครได้เห็นคำถาม เป็นต้องร้องอือหือ โดยเฉพาะ “นักเลือกตั้ง - นักการเมือง” ที่ดาหน้าออกมาเต้นเป็น “ชิกเก้นแดนซ์” เลียนแบบ “นายกฯตู่” ที่ไปโชว์สเต็ปที่เมืองสงขลากันเลยทีเดียว .. ก็คำถามของท่านนายกฯ เผินๆ เหมือนจะเป็นคำถามปลายเปิดให้เเสดงความเห็น .. แต่อ่านดีๆ นี่มัน “คำถามปลายปิด” ชัดๆ แถมมี “ชี้นำ” หน่อยๆ ถอดรหัสแล้ว ก็เหมือนส่งสัญญาณว่า การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบของประเทศ .. ถึงเลือกไปก็ไม่ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล มาทรงนี้ก็รอกันเหงกต่อไป .. ฟังแล้วฟันธงล่วงหน้าเลยว่า ส.ค. 61 ที่เป็นไทม์ไลน์ตามรัฐธรรมนูญใหม่ คงไม่มีการเลือกตั้งอีกแหงแซะ ถ้าจะมายึดเอาคุณภาพนักการเมืองเป็นตัวตั้งในการตัดสินใจ จะให้มีเลือกตั้งรึเปล่า .. ก็เลือกตั้งหนใหม่ ก็ยังเป็นเวทีของ “คนหน้าเก่า - ยี่ห้อเดิม” ที่เข้ามายึดวงจรอำนาจ แถมรัฐธรรมนูญใหม่เขาเปิดช่องให้ “เครือข่าย คสช.” เข้าไปมีเอี่ยวในช่วง 5 ปีหลังเลือกตั้ง ทั้ง “ส.ว.สรรหา - นายกฯคนนอก” แค่นี้ก็ครึ่งค่อนวงจรอำนาจแล้ว .. มาทรงนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมาภิบาลแล้ว แต่กลายเป็นสูตร “ขี้ผสมข้าว” มากกว่า
อย่าลืมว่า ปัญหาวันนี้ไม่ได้อยู่ที่เลือกตั้งแล้วได้คนไม่ดี - รัฐบาลไม่ได้เรื่อง แต่อยู่ที่ไม่มีการเลือกตั้งมากกว่า จนทำให้ประชาชนต้องอยู่ใน “ภาวะจำยอม” ถามกลับว่า ถ้าไม่พอใจรัฐบาลนี้ ให้ไปส่งความเห็นที่ไหน ศูนย์ดำรงธรรม หรือที่ไหน ?
** ปฏิบัติการทุบ “ชาดา” แค่ตุ้บตั้บ อีกตัวอย่างกลัดกระดุมผิดแต่ต้น
งานเข้าราวกับสักห้าแถวอาจารย์หนูไว้กลางหลัง .. รายของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี ที่ล่าสุด ถูกตำรวจกองปราบ - ตำรวจทางหลวง บุกสกัดจับขบวนรถ จนเป็นข่าวฮือฮา พร้อมด้วยภาพที่ว่อนไปในสื่อหลัก - สื่อออนไลน์ ทั้งเหล่าลูกน้องที่ถูกสั่งนอนราบ - มือไพล่หลัง ส่วนลูกพี่ ก็นั่งกองกับพื้นสิ้นสภาพ ฉายา “เจ้าพ่ออุทัยฯ - ขาใหญ่สะแกกรัง” .. ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ชาดา” ตกเป็นเป้าของเจ้าหน้าที่รัฐ เอาแค่ในยุค คสช. หลังรัฐประหาร 2557 “ชาดา” ถูกจัดให้อยู่ในหมวด “ผู้มีอิทธิพล” มีคำสั่ง คสช. ให้มารายงานตัวเป็นคิวแรกๆ แต่ก็ไม่มีอะไรติดใจทหาร ได้รับการปล่อยตัวออกมาอย่างไม่มีเงื่อนไข ก่อนจะถูกคอมมานโดตำรวจ - ทหาร ปฏิบัติการไพร่ฟ้าหน้าใสที่อุทัยฯ ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพล - มือปืนรับจ้างใน จ.อุทัยธานี มาแล้วอย่างน้อยๆ 3 หนด้วยกัน ทุกๆ ครั้งจะมี “บ้านดอนหมื่นแสน”หรือ “บ้านใหญ่” ของชาวอุทัยฯ ที่มี “ชาดา” เป็นเจ้าของ เป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่เจ้าหน้าที่ไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมเยืยน .. สำคัญขนาดที่ครั้งหนึ่ง “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. นำกำลังไปที่ “บ้านดอนหมื่นแสน” ด้วยตัวเอง .. ทว่าผลลัพธ์ของทุกๆครั้ง ก็มีเพียงการยึดอาวุธปืนไปตรวจสอบ แล้วเรื่องก็เงียบหายไป ... เข้าทำนอง ทุบแล้วปล่อย ทุบแล้วปล่อย
การบุกสกัดจับขบวนรถยนต์ของ “ชาดา” ที่เล่นกันตอนฟ้าสว่าง กลางวันแสกๆ อาจจะดูค่อนข้างผิดแผกออกไปจากเดิมบ้าง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ตรวจพบอาวุธปืน พร้อมยาเสพติดจำนวนหนึ่ง ส่วนตัว “ชาดา” ถูกแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.ปืนฯ พกพาในที่สาธารณะ ได้รับการประกันตัวไปตามระเบียบ .. ความมีอิทธิพล หรือที่คนอื่นยกให้เป็น"เจ้าพ่อ" นั้นถือเป็นของแสลงที่ตัว “ชาดา” ไม่อยากรับ โดยเฉพาะการถูกเชื่อมโยงกับเครือข่าย “เสี่ยชัย อุทัย” วิชัย ปั้นงาม แห่งอาณาจักร วี 8 หรือที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบดอกโหด” ที่กำลังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่ง “ชาดา” ยืนยันมาตลอดว่า ตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าการให้กู้ยืมเงินผิดหลักศาสนาอิสลามที่เจ้าตัวนับถือ หากแต่การที่ “ศูนย์กลางอาณาจักรวี 8” ตั้งอยู่ที่ จ.อุทัยธานี ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “ชาดา” ก็ปฏิเสธได้ยาก แต่ก็ดูเหมือนฝ่ายรัฐเอง ก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะไปจับให้มั่น คั้นให้ตาย ทำได้แค่จับๆ ปล่อยๆ เกาะแกะไปเรื่อยๆ แบบนี้ ก็เข้าอิหรอบ “กลัดกระดุมผิดเม็ด” ที่ไม่จัดการ“ผู้มีอิทธิพล - มาเฟีย” ให้สะเด็ดน้ำ ดังที่ คสช. ประกาศไว้ .. ที่สุดก็คงไม่ต่างจากการเพาะเชื้อ “ฮาร์ดคอร์” ให้ลอยหน้าลอยตาอยู่ แล้วก็มาโดนแว้งกัด
** “รถหรู” กลายเป็น “รถโจร” วงการ “เซเลบ-ไฮโซ” สะเทือน
วงการไฮโซ - ไฮซ้อ สะเทือนหลายริกเตอร์ กับปฏิบัติการของ ดีเอสไอ ที่เข้ากวาดล้างขบวนการนำเข้ารถยนต์หรู - ซูเปอร์คาร์ ที่สำแดงราคาเท็จ - หลบเลี่ยงภาษีนำเข้า จนสามารถอายัดรถหรูราคาแพงระยับได้ถึง 160 คัน ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 42 คัน ที่เป็นรถโจรกรรมมาจากยุโรปเสียด้วย .. งานนี้ความซวยไม่หยุดแค่บริษัทผู้นำเข้าเท่านั้น ยังมี “อาฟเตอร์ช็อก” ไปถึงบรรดาเจ้าของ - ผู้ครอบครอง อย่างตอนนี้ออเดิร์ฟกันที่ “ลัมบอร์กินีเขียว” ที่คุ้นตาว่าเป็นของ โดม - ปกรณ์ ลัม นักร้องหนุ่มขวัญใจสาวๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่านำไปฝากขายไว้จริง พร้อมยืนยันว่าได้ซื้อผ่าน “บริษัทตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย” ของยี่ห้อดังนั่นแหละ ผิดถูกยังไม่รู้ ว่าไปตามกระบวนการ .. แต่ที่ว่า “ลัมบอร์ฯเขียว” เป็นแค่ “ออเดิร์ฟ” ก็รถหรูที่ถูกอายัดส่วนใหญ่เป็นนำมาการฝากขายไว้กับโชว์รูม เจ้าข้าว เจ้าของ ชื่อแซ่อะไร อยู่ในมือ “ดีเอสไอ” ทั้งหมดแล้ว เปิดออกมาคงสะเทือนวงการ “เซเลบริตี้ - ไฮโซเงินถัง” ที่ล้วนแล้วแต่ขี่ “รถเถื่อน - รถโจร” แอ็กอาร์ต ออกสื่อกันทั้งน้านน.
** “รองฯจ้อน” ขอแจง ไม่มีเอี่ยว “เสี่ยเหมา ทัวร์ศูนย์เหรียญ”
สัปดาห์ก่อนเปิดประเด็น “เสี่ยเหมา” อนุชิต เหมารุ่งโรจน์ หรือ “ซ้ง แซ่ม้า” ตัวละครสำคัญในขบวนการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่มีธุรกรรมทางการเงินกับ “เครือโอเอ” ปีละเป็นพันล้าน ก็มีข้อความบางช่วงไปเอ่ยถึง “เสี่ยจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. ก็เกรงจะเข้าใจผิดกัน เลยไปไถ่ถามกับตัว “รองฯจ้อน” ให้รู้แน่ ว่าไปรู้จักมักคุ้น “เสี่ยเหมา” แต่ใดมา ก็ได้ความว่า ไปรับหนังสือร้องทุกข์ของ “ครอบครัวชาวม้ง” ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ ในฐานะรองประธาน สปท. แล้วก็ได้อ่านคำร้องบ้างบางส่วน ก็รู้สึกว่ามีความไม่ปกติบางประการ แต่ก็ไม่ได้ไปแทรกแซง ปล่อยเป็นเรื่องของคดีความ แล้วก็ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการของ สปท. ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาเท่านั้น ส่วนใครผิดใครถูกไปว่ากันตามกระบวนการ ก็ได้แต่แนะนำเจ้าหน้าที่ว่า ให้ทำงานตรงไปตรงมา อย่าไปใช้วิธีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย .. ส่วนที่ได้ไปเป็นประธานเปิดโรงแรมให้ “เสี่ยเหมา” ที่พัทยา ก็เห็นว่า เป็นเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปหลายคน ซึ่งตอนนั้นเจ้าของโรงแรมยังไม่มีความเชื่อมโยงกับคดี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ... เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ .
ช.ชฎา