รองหัวหน้า ปชป.มอง 4 คำถาม “ประยุทธ์” เกี่ยวกับเลือกตั้ง ชี้นำ สร้างกระแส ไม่เกิดประโยชน์ หวังเข้าตอบที่ถูกใจตัวเอง แนะปล่อย ปชช.กำหนดอนาคตตัวเอง จี้เอาเวลาไปสร้างมาตราการให้รัฐบาลใหม่อยู่ในการบริหารที่มีธรรมาภิบาล
วันนี้ (28 พ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ตั้งคำถาม 4 ข้อถามความเห็นประชาชนต่อการเลือกตั้งว่า เป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรีที่จะตั้งคำถามทั้ง 4 ข้อให้ประชาชนตอบ แต่คำตอบที่นายกรัฐมนตรีจะได้รับผ่านกระบวนการจัดการของศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย โดยมีข้าราชการนำโดยปลัดกระทรวงมหาดไทย รวบรวมคำตอบมาให้นายกรัฐมนตรีนั้น เราคงคาดหวังไม่ได้ว่าจะได้คำตอบที่ตรงไปตรงมาน่าเชื่อถือ แต่น่าจะได้คำตอบที่ถูกใจนายกรัฐมนตรีมากกว่า คำถามมีลักษณะชี้นำโน้มเอียงหวังโน้มน้าวให้ได้รับคำตอบตามที่ผู้ถามต้องการมากกว่าจะได้รับคำตอบที่แท้จริง การตั้งคำถามทั้ง 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี จึงไม่น่าจะเกิดประโยชน์ใดๆ ต่อบ้านเมืองมีแต่จะเพิ่มปัญหาให้ประเทศชาติก่อให้เกิดผลกระทบต่อการสร้างความสามัคคีปรองดองที่นายกรัฐมนตรี และ คสช.พยายามเดินหน้าเรื่องนี้อยู่โดยใช่เหตุ
นายองอาจกล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีตั้งเป็นคำถามให้ประชาชนตอบแล้ว คิดว่าประชาชนกลุ่มแรกที่ควรตอบคำถาม ทั้ง 4 ข้อนี้ คือ นายกรัฐมนตรี และ คสช.ทั้งคณะ ที่น่าจะต้องรู้คำตอบดีกว่าประชาชนคนอื่น เพราะ คสช.ปฏิวัติยึดอำนาจล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่คณะ คสช.บอกว่าทำให้ประเทศชาติมีปัญหาแล้วสถาปนาอำนาจของตนเองขึ้นมาโดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความสามัคคีปรองดอง การทำปฏิรูปด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคมการเมือง ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ผ่านมา และเพื่อให้ได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งที่มีธรรมาภิบาลนายกรัฐมนตรี และ คสช.ยังมีแม่น้ำ 5 สาย ช่วยทำงานให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง มีธรรมาภิบาล มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง มีการออกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยทำให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งมีธรรมาภิบาล
“คสช.จึงน่าจะตอบคำถาม 4 ข้อนี้ได้ดีกว่าคนอื่น เพราะท่านทำมากับมือโดยใช้เวลาอยู่ในอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง 4-5 ปี กว่าจะมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งตามโรดแมป ดูจากคำถามแล้วรู้สึกว่านายกรัฐมนตรีจะวิตกกังวลว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะไม่มีธรรมาภิบาล นายกรัฐมนตรีไม่ควรวิตกกังวล ควรปล่อยให้ประชาชนกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่ควรมีใครทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีชี้นำประชาชน ถ้าได้รัฐบาลไม่เหมาะสมก็มีกลไกต่างๆมากมายที่ท่านมีส่วนกำหนดขึ้นจัดการได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือยาถือเอาอำนาจที่มีอยู่ในปัจจุบันไปวิตกกังวลหรือตัดสินใจแทนประชาชนล่วงหน้า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะมีเจตนาดีอย่างไรในการตั้งคำถาม แต่ตัวคำถาม และกระบวนการได้มาซึ่งคำตอบก็ไม่อยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรมความน่าเชื่อถือ แต่กลับทำให้ถูกมองได้ว่าชี้นำ ทำการสร้างกระแสเพื่อให้มีเงื่อนไขในการสืบทอดอำนาจ แทนที่จะเอาเวลามาคิดค้นคำถามเพื่อหาคำตอบที่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยจะชงมาให้ถูกใจท่าน ท่านควรเอาเวลาที่เหลืออยู่เกือบ 2 ปีไปสร้างกลไก และมาตรการต่างๆ ให้รัฐบาลใหม่อยู่ในการบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลจะดีกว่า” นายองอาจกล่าว