xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.บี้ มท.1 ฟัน กปภ.-ปภ.ทุจริตอื้อ แนะปฏิรูป ตร.หยุดส่วย สตช.-แยกสอบสวน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อดีตส.ส.กทม. เรียกร้อง "บิ๊กป๊อก" สอบเอาผิดกปภ.-ปภ. พบมีปัญหาความไม่โปร่งใส ส่อทุจริตเพียบ ติงผลสอบป.ป.ช.อุ้มทำความผิด ปูดมีหอบครอบครัวเที่ยวญี่ปุ่น-ฮั้วล็อกสเปก "วัชระ" เสนอ ปฏิรูปตำรวจ หยุดส่วยสตช. แยกอำนาจสอบสวน

วันนี้ (28พ.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยตรวจสอบการบริหารของการประปาส่วนภูมิภาคและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เนื่องจากพบว่าทั้งสองหน่วยงานมีปัญหาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการ โดยในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาคนั้นตนได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบทุจริตแล้วถึง 23 เรื่อง แต่ป.ป.ช.มีการจัดอันดับองค์กรรัฐเกี่ยวกับความโปร่งใสในการบริหาร โดยการประปาส่วนภูมิภาค หรือ กปภ.ได้คะแนน 92 %เท่ากับ ป.ป.ช.ไปรับประกันว่า กปภ.บริหารงานอย่างสุจริต ทั้ง ๆ ที่กปภ.มีการทุจริตมากที่สุด หากผลการตรวจสอบของ ป.ป.ช.เป็นจริงประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร จึงขอให้ทบทวนเพราะเป็นการรับประกันผิดองค์กร

นอกจากนี้ยังความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นของพนักงานการประปาส่วนภูมิภาคจำนวน 32 คน โดยพบว่า คนที่ไปเกี่ยวข้องกับโครงการโมบายแพลนท์ทั้งสิ้น มีการนำบุคคลในครอบครัวร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งตนจะร้องให้ป.ป.ช.สอบการจ่ายเงินเพราะมีการไปจ่ายคืนทีหลัง ซึ่งตนเห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว โดยมีสองข้อหาคือ รับรางวัลค่าที่พัก ค่าอาหาร ใครเป็นคนจ่าย ไปถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่

ส่วนการบริหารของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนั้น นายวิลาศ กล่าวว่า มีความผิดปกติในหลายเรื่อง เช่น โครงการจัดซื้อรถขุดล้อยางพร้อมอุปกรณ์ขุดเจาะตักและตัด มูลค่า 167 ล้านบาท มีปัญหาทั้งการกำหนดคุณสมบัติ ล็อคเสป็คและการฮั้ว ไม่แตกต่างจากอีกหลายโครงการ และยังพบว่ามีความแปลกประหลาดในเรื่องการกำหนดทีโออาร์ได้บริษัทหนึ่งแต่เวลาส่งของกลับเป็นอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งตนมีข้อมูลหลายเรื่องโดยจะทยอยนำมาเปิดเผยต่อไป

ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวคิดในการปฏิรูปตำรวจที่มีการเสนอให้สตช.ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด สร้างภาพหลอกลวงประชาชน และกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณว่าจะให้ตำรวจไปสังกัดจังหวัดก็ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะหากยังไม่มีการแยกอำนาจการสอบสวนจากสตช.จะตกอยู่ในรูปแบบเดิมคือมีการเป่าคดีได้ จึงเห็นว่าควรใช้หลักสอง “ย” คือหยุดส่วยทุกชนิดในสตช.และ แยกอำนาจสอบสวนออกจากสตช.ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะประกาศเป็นเป็นนโยบายเพื่อปฏิรูปตำรวจให้ทำงานอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนได้อย่างเท่าเทียมกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น