xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯใช้มาตรา 44 ไฟเขียวต่างชาติเปิดมหาวิทยาลัยในไทยได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช. ใช้มาตรา 44 ให้ต่างชาติเปิดมหาวิทยาลัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยได้ โดยให้ตั้งคณะกรรมการ “คพอต.” คอยดูแลจัดการ มี รมว.ศึกษาฯ เป็นประธาน หวังพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาคอาเซียน

วันที่ 26 พ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ

ระบุว่า “เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล จําเป็นต้องเสริมสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยี และวิทยาการที่มีคุณภาพและทันสมัย ให้กับเยาวชน ที่จะเป็นทรัพยากรบุคคลสําคัญของชาติ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญดังกล่าวจากสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ เพื่อจะได้นําองค์ความรู้ ที่ได้รับมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือในการจัดการศึกษาและการวิจัยระหว่างสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูง จากต่างประเทศกับสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันอื่นในประเทศไทย อันจะเป็นการยกระดับคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาของไทยเพื่อนําไปสู่การเตรียมความพร้อมในการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต และเป็นการรองรับการดําเนินการปฏิรูปประเทศทั้งในด้านการศึกษาและด้านเศรษฐกิจตามแนวทางที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับที่ได้รับความเห็นชอบจากประชามติได้บัญญัติไว้

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ การจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ให้ดําเนินการได้ในเขตพื้นที่ ดังต่อไปนี้

(๑) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๖๐ เรื่อง การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกลงวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐

(๒) เขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นที่คณะรัฐมนตรีประกาศกําหนดให้เป็นพื้นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศตามคําสั่งนี้การจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศจะดําเนินการนอกเขตพื้นที่ ตามวรรคหนึ่งก็ได้โดยความเห็นชอบของ คพอต. ทั้งนี้ การจัดการศึกษาดังกล่าวต้องเป็นการดําเนินการ ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ และเป็นการดําเนินการเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริม สนับสนุนหรือพัฒนาการจัดการศึกษาภายในเขตพื้นที่ตาม (๑) หรือ (๒) ข้อ ๒ ให้มีคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ เรียกโดยย่อว่า “คพอต.” ประกอบด้วย

(๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ

(๒) กรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ

(๓) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจํานวนสามคน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งเป็นกรรมการให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการ

คณะกรรมการการอุดมศึกษามอบหมายเจ้าหน้าที่ของสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๓ ให้ คพอต. มีหน้าที่และอํานาจ ดังต่อไปนี้

(๑) กําหนดศาสตร์วิทยาการและสาขาวิชาที่เป็นประโยชน์และมีความสําคัญต่อการพัฒนาประเทศที่สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศสามารถจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย

(๒) พิจารณาสรรหา อนุมัติ และจัดทําข้อตกลงกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ เพื่อเข้ามาดําเนินการจัดการศึกษาในประเทศไทย

(๓) กําหนดหลักเกณฑ์ รูปแบบ วิธีการ และเงื่อนไขในการดําเนินการจัดการศึกษาตาม (๒)โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

(๔) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทํางานเพื่อกระทําการใด ๆ อันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของ คพอต. หรือตามที่ คพอต. มอบหมาย

(๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของคําสั่งนี้

ข้อ ๔ สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ซึ่ง คพอต. อนุมัติโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีให้จัดการศึกษาในประเทศไทยตามคําสั่งนี้ ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎ ดังต่อไปนี้

(๑) กฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

(๒) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา

(๓) หลักเกณฑ์การประกันคุณภาพภายในระดับอุดมศึกษาและการประเมินคุณภาพภายนอกระดับอุดมศึกษา

ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามคําสั่งนี้ คพอต. อาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎอื่นใดอีกได้สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศอาจได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนก็ได้

ข้อ ๕ ให้สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบงานธุรการของ คพอต. รวมทั้งคณะอนุกรรมการและคณะทํางานที่ คพอต. แต่งตั้งการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมของ คพอต. คณะอนุกรรมการ และคณะทํางานตามคําสั่งนี้ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ ส่วนการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่นที่จําเป็น ให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบของทางราชการ ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

ข้อ ๖ กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้เป็นไปตามคําวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ข้อ ๗ ในกรณีที่เห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ ๘ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”



กำลังโหลดความคิดเห็น