ข่าวปนคน คนปนข่าว
72 ชั่วโมงผ่านไป ยังไร้วี่แววจะได้เบาะแสเป็นชิ้นเป็นอัน เกี่ยวกับผู้ก่อเหตุวางระเบิด “ห้องวงษ์สุวรรณ” โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า … แต่ดูๆ ทางตำรวจโดย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ดูขมีขมันแข็งขันพอสมควร ล่าสุด มีการตั้งทีมงานพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งหัวหน้าทีมก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่รับเหมาคดีใหญ่ๆ มาตลอด พร้อมสั่งระดมมือดีกว่า 200 ชีวิตมาฟอร์มเป็น “ดรีมทีม” มาติดตามตัวคนร้ายให้โดยเร็ว … ไม่ทันไรก็ต้อง “ชนตอ” เสียแล้ว ไม่ใช่แค่ “กล้องวงจรปิด” ในจุดเกิดเหตุที่เสียไป 9 จาก 13 ตัว ตัวที่ดูได้ก็ส่องไม่เห็นจุดที่วางระเบิด ยังมีข่าวประมาณว่า เทปจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของ รพ.พระมงกุฎฯถูก “พี่ทหาร” อุ้มหายไปหลังเกิดเหตุ กว่าจะหิ้วมาคืนก็ปาเข้าไปร่วม 30 ชั่วโมง … อย่างนี้มันมีเลศนัยพิกล
เวลางวดเข้าๆ ก็ค่อยๆ ชัดเจนว่า งานนี้ “ระเบิดการเมือง” ชัวร์ป๊าด เพียงต้องตีโจทย์ให้แตกว่าใครได้ประโยชน์จากงานนี้ … ตัดทิ้งไม่ได้หรอกเรื่อง “คนกันเอง” ทีมงาน - เครือข่ายของ คสช. อาจ “จัดให้” เพื่อเป็นเหตุให้บ้านเมืองดูวุ่นวายสับสนต่อไป เพื่อที่จะให้ “บิ๊ก คสช.” หยิบไปเป็นข้ออ้างในการอยู่ต่อยาวๆ ไม่ต้องใครก็ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พูดเองหลังมีเหตุระเบิด ทำนองไม่สงบก็ไม่ต้องเลือกตั้ง แปลตรงตัวไม่อ้อมค้อม คสช. ตีตั๋วยาวไปๆ … คงถามกันต่อว่า แล้วทำไมต้อง “ห้องวงษ์สุวรรณ” นั่นมันเป็นสัญลักษณ์แทนตัว “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เชียวนะ ก็ตอบแบบไม่คิดมากเลยว่า อาจเป็นหมาก “ม้าแลกโคน เบี้ยแลกขุน” ยอมเสียหน้านิดหน่อย แลกกับการอยู่โยงในอำนาจ แถมดีไม่ดีมีดรามา เรียกคะแนนสงสารว่า “พี่ใหญ่” เป็นเป้าถูกจ้องทำร้าย - ทำลายชื่อเสียง … ถ้าไม่คุ้นก็ย้อนไปไม่กี่เดือนก่อน ที่เจ้าตัวออกมาโอดโอย ว่า ตัวเองถูกหมายปองเป็นเป้าลอบสังหารนั่นประไร
พูดถึง “พี่ใหญ่” จนป่านนี้ยังไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตามาให้ประชาชนชาวไทยที่ตุ่มๆ ต่อมๆ กับเหตุระเบิดสั่นเมือง ได้เห็นให้ชื่นใจ ก็เป็นถึงรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง น่าจะออกโรงมาสั่งการ - ขันนอต เผื่ออะไรๆ มันจะรวดเร็วทันใจขึ้น … ยิ่งมีข่าวว่า “ท่านป้อม” กลับมาประจำการทำงานแล้ว แต่ดันเลือกอยู่ในที่ตั้ง ไม่ได้เข้ากระทรวงกลาโหมอย่างเคย ฟังแล้วก็ทะแม่งๆ บ้านเมืองมีเรื่องคอขาดบาดตายแท้ๆ กลับขอซุ่มโป่งใน “มูลนิธิป่ารอยต่อฯ” ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ฐานบัญชาการเครือข่ายสีน้ำเงิน ซะอย่างนั้น … แถมข้อสั่งการที่ผ่านน้องรักอย่าง “เสธ.ต้อง” พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม ออกมากลายเป็นเรื่องให้เหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุฝน ระดมกำลังลงไปช่วยดูระบบระบายน้ำ - ช่วยเหลือประชาชน … อันนั้นไม่ว่ากัน ทุกข์ร้อนของชาวบ้านเหมือนกัน แต่ที่คนคาดหวังจากรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม มากกว่า คือ การคลี่คลายเหตุระเบิดประทุษร้ายบ้านเมืองมากกว่านะท่าน … เห็นว่า จะเข้ากระทรวงก็โน้น 29 พ.ค. ประชุมสภากลาโหม ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะมีแอกชั่นให้คุ้มค่าการรอคอยรึป่าว
ว่าต่อผู้เข้าข่ายก่อการใหญ่ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่ “คนกันเอง” ก็ต้องชี้ไปฝั่งตรงข้าม ที่พูดกันมาตลอดก็ “เสื้อแดงฮาร์ดคอร์” หลักฐานโยงใยชัดจาก “ไปป์บอมบ์” ที่ใช้ทุกครั้งที่ “มีงาน” ตั้งแต่โน่น หน้ากองสลากเก่า ราชดำเนิน ตามติดมาอีกทีเสียงคล้ายระเบิดที่หน้าโรงละครแห่งชาติ นั่นก็ “ไปป์บอมบ์” … เรื่องนี้ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พูดเอง ว่า หลายเหตุการณ์ที่ว่ามาผู้กระทำความผิดเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน แล้วไม่รู้ทำอีท่าไหน “นักข่าวสายทหาร” ถามจ่อปากว่า “โกตี๋” วุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ แกนนำแดงปทุมฯสายฮาร์ดคอร์ ที่หนีไปเมืองนอก ใช่หรือไม่ “ผบ.เจี๊ยบ” ตอบกลับทันทีว่า “ใช่” โช๊ะเดะทันที … เป็น “โกตี๋” ที่มีความเคลื่อนไหวปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ ตลอดเวลา ครั้งหนึ่ง “บิ๊กป้อม” เคยประกาศว่าได้ประสานกับ ทางการ สปป.ลาว ที่มีข้อมูลว่า “โกตี๋” และพวกหลบซ่อนอยู่ เพื่อขอตัวกลับประเทศมาดำเนินคดี ตามมาด้วยการเข้าตรวจค้นยึดอาวุธสงครามเครือข่ายของโกตี๋ได้เป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายความพยายามไล่ล่าตัว “โกตี๋” ก็เงียบไปกับสายลม
บอกแล้วว่าโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง นโยบายการสร้างสงบให้กับประเทศ และการสร้างเสถียรภาพให้กับ คสช. ภายใต้ความรับผิดชอบของ “บิ๊กป้อม” เข้าทำนอง “กลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก” ย้อนไปถึง 22 พ.ค. 57 มีโอกาสเผด็จศึกกวาดล้าง “เสื้อแดงฮาร์ดคอร์” ให้สิ้นซาก กลับเลือกที่จะเงื้อดาบอาญาสิทธิ์แค่ขู่ให้กลัว เลือกสอยเฉพาะแดงมีชื่อระดับ “ผู้นำมวลชน” ปล่อย “ฮาร์ดคอร์ตัวจริง” ที่เป็นระดับปฏิบัติลงมือให้ลอยนวล กลายเป็นการเพาะเชื้อ “เสื้อแดงฮาร์ดคอร์” ให้ลุกลามเติบโตในทางใต้ดินมาตลอดยุค คสช. เมื่อมีจังหวะก็เล่นทีเผลอ ลูบคมอำนาจ คสช. ไปเรื่อย แถมเป็นปฏิบัติการที่ไร้รูปแบบ ไม่มีกติกา จนอาจเลือกสถานพยาบาลอย่างไม่แยแสคำก่นด่าของสังคม … ไม่เท่านั้นยังมีการกระจายความเสี่ยง ไปถึง “ทหารแตงโม” เมื่อมีข่าวปล่อยในทำนอง “3 นายพลทหาร” มีเอี่ยวงานระเบิดที่ รพ.พระมงกุฎฯ ไล่เช็กดูแล้วก็รู้จักมักคุ้นกันทั้งนั้น
เคมีน่าจะตรงกัน เห็นข่าว วินิจ เลิศรัตนชัย ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ใน บริษัท เดอะสแตนดาร์ด จำกัด ร่วมกับ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ที่นำทีมลาออกจาก “เครืออะเดย์” มาหมาดๆ เป็น “เดอะสแตนดาร์ด” ที่มุ่งทำงานด้านสื่อเต็มรูปแบบ น่าจับตาไม่น้อย “วินิจ” แม้จะมีภาพเป็นคนบันเทิง จับงานเกี่ยววงการแสงสีมาตลอด โดยเฉพาะในยุคบุกเบิก “เฟรชแอร์” ที่ติดลมบนสุด แต่ก็อิงแอบแนบชิด “กลุ่มการเมือง” โดยเฉพาะกับทาง เนวิน ชิดชอบ คนโตแห่งบุรีรัมย์ ที่ฟีดงานภาครัฐให้ต่อเนื่องในยุคที่เรืองอำนาจ แล้วยังเคยมีดีลสะท้านวงการในการเทกโอเวอร์จับ “คาราบาว” วงดนตรีดังชื่อดัง ที่มี “เสี่ยแอ๊ด” ยืนยง โอภากุล เป็นตัวนำ มาอยู่ในชายคาเครือบุรีรัมย์ - ค่ายสีน้ำเงิน มาแล้ว … และ “วินิจ” ก็ยังเคยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น บริษัท สโมสร บุรีรัมย์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำกัด หรือยุคบุกเบิกของ “ทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด” มาก่อนด้วย … งานนี้ฟันธงฉับ “เดอะสแตนดาร์ด” จับจองเป็นสื่อหลักหัวสีน้ำเงินชัดเจน
ช.ชฎา