แม่ทัพภาคที่ 1 ขอสื่อช่วยคนประณามคนชักใยบึ้มโรงพยาบาล ไม่รู้เจาะจงวันครบ 3 ปี คสช. เผยเจ้าหน้าที่เร่งหาเบาะแสมือวาง ไม่รู้วงจรปิดบางตัวเสีย รับสงสัยหลายกลุ่ม ระบุนายกฯ ใจเย็นมากบอกให้หาหลักฐานให้ชัด เชื่อคนเสียประโยชน์สั่นคลอนรัฐบาลไม่ได้ ยันมีมาตรการเข้มงวด กทม.ติดกล้องเพิ่ม 200 ตัว
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ ฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 (ผบ.กกล.รส.ทภ.1) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุลอบวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนเชื่อว่าในโลกนี้คงไม่มีใครคิดว่าจะไปก่อเหตุที่โรงพยาบาล จึงอยากให้สื่อช่วยกันประณามคนที่คิดอยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุน จะด้วยวิธีการใดก็ตาม ตนถือว่าเป็นสิ่งที่สังคมโลกนี้รับไม่ได้ ในทั่วโลกมีการก่อวินาศกรรมกันแทบไม่เคยมีลักษณะเช่นนี้ ยกเว้นไปทิ้งระเบิดแล้วพลาดเป้าโดนสถานที่รักษาพยาบาลหรือโรงพยาบาล แม้กระทั่งในสนามรบ บุคคล สถานที่ติดเครื่องหมายเสนารักษ์ แพทย์ พยาบาลยังได้รับการยกเว้น
“แต่ที่นี่คือโรงพยาบาลทหาร ถ้าเป็นกรณีที่เกิดระหว่างประเทศ ถือว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาเลย ครั้งนี้ถือเป็นการเกิดเหตุในประเทศ ถ้าสื่อตั้งคำถามว่ากรณีนี้เกินไปหรือเปล่า ทำไมจ้องที่จะทำลายกันขนาดนี้ มันเกินไปหรือไม่ ที่มาทำลายถึงขั้นมุ่งต่อชีวิต อยากฝากไปบอกถ้ามีว่าญาติของใครสักคนที่ไปนั่งรอการรักษาพยาบาลอยู่ที่นั่น รอรับยาและเกิดเหตุจะทำอย่างไร” แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุ
เมื่อถามว่า การกระทำต่อสัญลักษณ์ที่เป็นโรงพยาบาลทหาร และเป็นวันครบรอบ 3 ปี คสช.หรือไม่ พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะเป็นการเจาะจง เป็นเหตุบังเอิญ หรือเป็นวันที่เขาต้องการจะกระทำ แต่คนที่จ้องทำก็คงไม่ดูแค่วันเดียว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทุ่มเทร่วมมือกันหาเบาะแสผู้ก่อเหตุให้ได้ ส่วนที่มองว่ากล้องวงจรปิดบางตัวเสียนั้นตนยังไม่ทราบและยังไม่ได้รับรายงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่ากลุ่มใดเป็นกลุ่มที่ต้องสงสัย พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า มีหลายกลุ่มด้วยกัน ในวันนี้กราบเรียนตรงๆ ว่าผู้ใหญ่ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ตลอดจน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ท่านมีความใจเย็นมากแล้วที่จะไม่ดำเนินการต่างๆ ต่อกลุ่มที่ต้องสงสัย
“ทุกวันนี้หน่วยกำลังมีความพร้อมเข้าดำเนินการต่อกลุ่มผู้ต้องสงสัย แต่ผู้ใหญ่ท่านก็พูดอยู่เสมอว่าหาหลักฐานให้ชัดเจน หาจุดเชื่อมโยงให้ได้ก่อน อย่าทำอะไรโดยที่ไม่มีหลักฐานเพียงพอ เขาจะมาว่าเราได้ อีกอย่างคือสื่อจะมาบอกว่าทำไมทำอย่างโน้นอย่างนี้ หลักฐานยังไม่พอ เช่น การจับกุมตัว ควบคุมตัวมา บางครั้งหลักฐานไม่ชัดเจน เหมือนคนขโมยของจะเอาหลักฐานมาได้อย่างไรให้ชัดเจนถ้าไม่มีทีวีวงจรปิดดู ไม่เห็นลายนิ้วมือ ไม่พิสูจน์ทราบดีเอ็นเอ มันก็เป็นการสุ่ม หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่จะทำลายชาติบ้านเมือง ผมจึงบอกว่านายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกฯ ประวิตร ผู้บัญชาการทหารบก ท่านใจเย็นมากแล้วที่ไม่เข้าดำเนินการ แต่ถ้ามีสั่งการมายังหน่วยกองกำลังรักษาความสงบให้เข้ามาจับกุมผู้ต้องสงสัย ผมและลูกน้องผมพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวย้ำ
ผู้สื่อข่าวซักว่า พอจะระบุคร่าวๆ ได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มไหน พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า สื่อก็รู้อยู่แล้ว มีหลายกลุ่มที่ต้องสงสัย อย่ามาถามเพื่อให้ชี้เบาะแสว่าเป็นใครเลย แต่ก็มีหลายกลุ่มที่ไม่หวังดี ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ผู้สื่อข่าวซักต่อว่าเป็นผู้เสียประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า ก็ทุกกลุ่ม แต่การแก้ไขปัญหาทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้น การจัดระเบียบสังคมย่อมมีผู้ที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์ แต่เนื่องจากผู้ที่ได้รับประโยชน์เขาไม่จำเป็นต้องออกมาพูด แต่ผู้เสียประโยชน์ส่วนใหญ่จะออกมาพูดออกมาประท้วง
“ขอให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจในความตั้งใจจริงของรัฐบาลและ คสช. แม้การทำงานหลายอย่างต้องอาศัยกฎหมายพิเศษ หรืออาจต้องใช้กำลังฝ่ายทหารเข้าไปจัดระเบียบสังคมก็ตาม บางครั้งคนที่เสียประโยชน์ไม่สามารถพูดกันดีๆ ได้ ไม่มีความเข้าใจ แต่บังเอิญคนที่เสียประโยชน์เหล่านั้นได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน แกนนำก็ออกมาประท้วงนั่นประท้วงนี่ โดยบอกว่าสิ่งที่เขาทำถูกแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่” พล.ท.อภิรัชต์กล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่มที่เสียประโยชน์สามารถสู้ศักยภาพและสั่นคลอนรัฐบาลได้หรือไม่ พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า “ไม่ได้หรอก และท่านนายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช.และหัวหน้ารัฐบาล ท่านบอกกับกองทัพบก และผู้บัญชาการทหารบกว่า ท่านไม่มีวันจะเสียกำลังใจ และไม่มีวันที่จะยกเลิกความตั้งใจในการเข้ามาบริหารและต้องการให้ประเทศนี้ดี ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจของโลก เหตุก่อวินาศกรรมของโลกเป็นแบบนี้ เกิดเหตุเช่นนี้หลายที่โลก แต่ละประเทศก็มีวัตถุประสงค์ในการก่อวินาศกรรมแตกต่างกันไป แต่คนในประเทศไทย เป็นเมืองพุทธ มีพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน มีสัญลักษณ์ของประเทศเหมือนกัน ทำไมถึงได้คิดและทำกันอย่างนี้”
เมื่อถามว่า ระเบิดสองจุดก่อนหน้านี้ยังจับผู้กระทำผิดไม่ได้ มั่นใจหรือไม่ว่ากรณีของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าจะจับผู้กระทำผิดได้ พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า การดำเนินการสอบสวนผู้ก่อเหตุทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ เก็บหลักฐานข้อมูล 2 เหตุแรกเกิดในพื้นที่เปิดเหมือนกัน อาจจะเป็นจุดอับของกล้องวงจรปิด องศากล้องไม่ได้ ซึ่งมีการปรับกันใหม่เป็นที่เรียบร้อย แต่ต้องบอกว่าไม่มีมาตรการที่เราทำแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนที่ทำก็จ้องทำ
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในที่ตั้งอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน่วยที่เป็น กกล.รส.เรามีประจำในทุกจุดอยู่แล้ว คนที่จ้องก่อเหตุหาโอกาส หาเวลาได้ตลอดเวลา ตนถึงบอกว่าไม่ใช่เกิดอะไรแล้วเราไปเพิ่มมาตรการ เพราะมาตรการปัจจุบันเรามีอยู่แล้ว และเข้มงวดอยู่แล้ว อีกทั้งมีระบบการตรวจสอบอยู่ในการประชุมที่ กอร.รส.ทุกหน่วยก็ให้ความร่วมมือ กทม.ก็ให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนกล้องวงจรปิด และติดเพิ่มอีก 200 กว่าตัว คาดว่าจะรีบดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณอีก 1 เดือน โดยมีการตรวจอย่างเข้มงวด จริงจัง และเพิ่มมาตรการชุดตรวจจักรยานอีก 30 คันเพื่อที่จะได้เข้าทุกตรอกซอกซอยทุกมุม สามารถไปทุกจุดตรวจได้ตลอดเวลา
พล.ท.อภิรัชต์กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้มาตรการแบ่งเป็นมาตรการในการรักษาที่ตั้งหน่วยของตัวเอง ตนได้กำชับทุกหน่วยแล้วว่าถ้าที่ตั้งหน่วยของตัวเองมีปัญหา ผู้บังคับหน่วยก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนพื้นที่ที่ทำหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะในส่วนที่ ผบ.ทบ.แสดงความเป็นห่วง เช่น สถานีขนส่งมวลชน พื้นที่สัญลักษณ์ทั้งหมด กองทัพภาคที่ 1 ทำอยู่ตลอด และสนองตอบตามคำสั่ง ผบ.ทบ.ตลอดเวลา