ข่าวปนคน คนปนข่าว
ตูมสนั่น!! โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รับฤกษ์ดี 22 พ.ค. ครบรอบ 3 ปี รัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พอดิบพอดี ... ตอนแรกว่าต้นตอมาจากท่อแก๊ส - คอมฯแอร์ แต่ประจักษ์พยาน “เศษถ่าน - สายไฟ - แผงวงจร” ครบ เป็น“ระเบิดจริง”ตามที่ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ยืนยันหน้างาน ไม่ต้องให้ใครมาเบี่ยงกระแส “เสียงดังคล้ายระเบิด” ให้รกพื้นที่ข่าวกันอีก …
ใครจะว่าไม่เกี่ยวกัน หรืออย่าไปโยงกับระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ หน้ากองสลากเก่า กระทั่งคาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี ก็แล้วแต่ ไทม์มิ่งมันได้ เหมาะเจาะจนน่าคิดว่า นี่ขบวนการเดียวกัน รับลูกกันเป็นทอดๆ รึเปล่า ... สำคัญที่ผล “ดุสิตโพล” เพิ่งให้แต้มงานรักษาสงบของ คสช. มาที่ 1 ในใจคนไทย เลยจัดระเบิดวี้ดบึ้ม มาถี่ๆ ยิ่งได้ชื่อเป็น “โรงพยาบาลทหาร”เสียด้วย ตั้งใจ “ตบหน้า” กันชัดๆ
แล้วการเจาะจงไปที่บริเวณห้องรับรอง VIP นายทหารเกษียณ ชื่อห้องวงษ์สุวรรณ ก็ชัดเจนว่า “แสดงสัญลักษณ์” ส่งสารท้ารบถึง “รัฐบาลทหาร” และถึง “บิ๊กบราเธอร์ส” ก็ต้องถามว่า ที่อื่นเยอะแยะ ทำไมต้องเลือกโรงพยาบาล ... จะด่า จะว่า จะประณาม “คนลงมือ - คนเบื้องหลัง” ก็เอาให้เต็มที่ วางระเบิดนี่ว่าระยำแล้ว แต่นี่ “เลวชาติ” ขนาดไหน ถึงไปวางในโรงพยาบาล แหล่งรวมผู้เฒ่าผู้แก่ - คนเจ็บป่วยทั้งนั้น ขนาดยามสงครามเขายังไม่ทำกัน ... วิสัยแบบนี้ความเลวเหนือกว่า “โจรทั่วไป” เห็นว่า แขกไปใครมาแถวที่เกิดเหตุ ไม่เป็นทหาร ก็ครอบครัวทหารทั้งนั้น ก็ไม่ควรดูเบา “กากี่นั้ง” ที่อกหัก ถูกกดหัว อาจจะผสมโรงร่วมชยันโต 3 ปี คสช. ไปกับเขาด้วย
แล้วการที่ “ห้องวงษ์สุวรรณ”อยู่ในข่ายเป้าหมายก่อวินาศกรรมหนนี้ ก็สะท้อนว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กลายเป็น “สายล่อฟ้า” ที่ถูกเจาะจง ทั้งในแง่ “ผู้ก่อการ” ที่ต้องการบั่นทอนความเชื่อมั่น งานด้านความมั่นคง (ที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว) ของรัฐบาล คสช. โดยความรับผิดชอบของ “บิ๊กป้อม” ให้จมดินเข้าไปอีก ตั้งแต่ปัญหาไฟใต้ ที่นับวันยิ่งจะเข้าขั้นวิกฤต หรือการก่อความรุนแรงในพื้นที่ “นครบาล” โศกนาฏกรรมระเบิดแยกราชประสงค์ ก่อน “งานใหญ่” เมื่อเดือน ส.ค. 58 เรื่อยมาอีกหลายกรณี เอาแค่ปีนี้ ก็มีทั้งหน้ากองสลากเก่า - หน้าโรงละคร ก่อนจะมาถึง รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่ละที่ล้วนแล้วแต่อยู่ “ใจกลางเมือง” โดยที่ฝ่ายความมั่นคงไม่เคยมี “การข่าว” ดักจับ หรือระงับเหตุได้ก่อน พอเกิดเรื่องก็เรียงหน้ามาประณามว่า ฝีมือคนเลว - โหดเหี้ยม - สร้างสถานการณ์ แล้วก็จับมือใครดมไม่ได้
งานความมั่นคง งานในความรับผิดชอบที่กระทบความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง กลับปล่อยปละละเลย ก็หนีไม่พ้นจะถูกนำ “เรื่องไม่ใช่เรื่อง” อื่นๆ มาเปรียบเทียบถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ “รองนายกฯความมั่นคง” ที่มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไล่ตั้งแต่การปูนบำเหน็จพี่น้อง วงศ์วาน คสช. ทั้งเงินเดือน - เงินประจำตำแหน่ง หรือความทุ่มเทกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ จากจีนจนสำเร็จลุล่วง
กระทั่ง“โครงการถนนเลียบเจ้าพระยา”ที่เมื่อวาน ผู้ทรงเกียรติ - บุคคลมีชื่อ มาร่วมกันชำแหละ อยู่หน้าบ้านเจ้าพระยา จนรู้เช่นเห็นชาติถึงความมุบมิบ - แพงเกินจริง และไม่จำเป็นของโครงการที่ว่า และทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกับความมั่นคงเลย “พี่ใหญ่ คสช.” ยังรับมาเป็นเจ้าภาพเสียอีก สอดคล้องกับความไม่ชอบมาพากลที่ “โครงการถนนเลียบเจ้าพระยา” ถูกหยิบขึ้นมาเป็นวาระเร่งด่วน หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ได้เพียง 2 วัน
เห็นได้ชัดว่า “ท่านรองป้อม” ค่อนข้างใส่ใจงานด้านอื่นๆ มากกว่าด้านความมั่นคงอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยไว้แบบนี้ ท่าจะไม่ดี นี่ขนาดผู้ก่อการไม่ได้ประกาศยกระดับอะไร ยังถึงขั้น “ตะบันไฟ - ตะไลเพลิง” ลามเข้าไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ถ้าเผื่อยกระดับขึ้นมา เปลี่ยนเป้าหมายที่อ่อนไหวกว่านี้ จะยิ่งแย่ จนอาจถึงขั้นพินาศได้ ... พิจารณาดูแล้ว“นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็น่าจะลองขยับสับเปลี่ยนความรับผิดชอบของ “บิ๊ก คสช.” ดูบ้าง อาจจะเกรงใจในความเป็น “พี่ใหญ่” อยู่บ้าง ก็ไม่ต้องถึงขนาดปรับออกหลุดวงจรอำนาจ แต่อาจจะผลัดเปลี่ยนไปรับผิดชอบงานที่ถนัด หรือ “พี่ป้อม” อยากทำมากกว่า เผื่อจะลดความเป็น “สายล่อฟ้า” ของรัฐบาล คสช. ลงบ้าง และดีไม่ดีอาจทำประโยชน์ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ขนาดมีข่าวระเบิดมาแทรกคิว แต่ก็เกือบสู้ความร้อนแรงของดาราสาว แอนนา รีส ที่เมาสุราอาละวาด สร้างความวุ่นวายตั้งแต่ลานจอดรถร้านเหล้า มาจนถึง สน.ห้วยขวาง ... เป็น แอนนา รีส ที่เคยขับรถส่วนตัวชนตำรวจที่นอนหลับพักผ่อนอยู่ในรถที่จอดข้างทางเสียชีวิต เมื่อหลายปีก่อน และเคยได้รับโอกาสจากสังคมไปแล้วหนหนึ่ง ... มาคราวนี้ ก่อเหตุท้าทายสังคมอีกครั้ง แม้จะไม่มีคนเสียชีวิต เจอแค่ข้อหาเมาแล้วขับ แต่ก็ถูกวิจารณ์ไม่แพ้เหตุการณ์ในอดีต โดยเฉพาะคำพูดที่ “ผรุสวาท วาจา - หยาบคาย” ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน ในสภาพที่เมาปลิ้น มีบางช่วงย้อนไปถึงวีรกรรมชนตำรวจตาย ที่ใครได้ฟังแล้วอดเจ็บช้ำแทนตำรวจไม่ได้ ... คดีใหญ่ระดับนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ถึงกับต้องมาสอบปากคำด้วยตัวเอง พร้อมคำพูดปลอบประโลม ว่า คนเมาไม่ใช่คนไม่ดี อยากให้โอกาสดาราสาว อีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ไม่อยากให้มีครั้งที่ 3 ... คงคุณภาพ “ศานิตย์ ซาราเฮโย” ที่ได้สร้างความบันเทิงให้กับสังคมออนไลน์ อีกครั้ง
สิ้นมนต์ขลัง “เสาค้ำฟ้า”ที่นอกจากไม่ปกปักรักษาเจ้าของให้พ้นภัยแล้ว อะไรๆ ที่เป็นอานิสงส์จากเครื่องบูชายี่ห้อ“ธรรมกาย”ที่แพงระยับ แบบรวยอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ก็ทำท่าจะต้องพ้นมือไปด้วย เมื่อ อนันต์ อัศวโภคิน หนึ่งใน “ศิษย์เอกธัมมชโย” ที่เคยเกหมดหน้าตัก ควักเงินก้อนสุดท้ายในบัญชีไปเคาะซื้อ “เสาค้ำฟ้า” มาครอบครอง จนทำให้กิจการ - ธุรกิจอู้ฟู่ขึ้นมา ต้องลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) อย่างเสียไม่ได้ หลัง “แบงก์ชาติ” ออกมาระบุว่า ขาดคุณสมบัติจากกรณีถูก “ดีเอสไอ” ดำเนินคดีสมคบฟอกเงิน “สหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น” ของวัดพระธรรมกาย
จริงๆ “เสี่ยอนันต์” น่าจะขาดคุณสมบัติเฉพาะบริษัทสถาบันการเงินในส่วน “แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป - ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” เท่านั้น แต่คงจำเป็นต้องเคลียร์คัต ไม่ให้อาณาจักรที่สร้างมากับมือต้องล่มจมไปกับอนาคตตัวเอง เลยตัดสินใจลาออกจาก ประธานบอร์ดแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไปทีเดียวเลย เพราะตั้งแต่ “เสี่ยอนันต์” และลูกสาว ไปตกกระไดพลอยโจนไปกับคดีธรรมกาย ดัชนีหุ้นเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็สวิงอยู่ใน “แดนลบ” ซะส่วนใหญ่
ขาวจั๊วะ.. ไม่มีข้อมูลการทุจริต ไร้ความผิดปกติ ทำตามขั้นตอนของระเบียบวิธีการขอจัดสรรงบประมาณ คือ คำยืนยันของ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้มีหน้าที่ฟอกขาวให้ใคร ก่อนการันตีความบริสุทธิ์ผุดผ่องโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ หยวนคลาส S26T จากจีน ของกองทัพเรือ มูลค่า 3.6 หมื่นล้าน ไปตามเรื่อง ... ไม่เท่านั้นยังสวมบท “หมอดู” ฟันธงฉับ “ไม่มีความเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” อีกต่างหาก
แต่มา “โป๊ะแตก” บางช่วงบางตอน ก็พูดไปคนละทางกับ “กองทัพเรือ” โดยเฉพาะประเด็น “จีทูจี - รัฐต่อรัฐ” ที่ “ผู้ว่าฯพิศิษฐ์” ดันแหกสคริปต์ ว่า ไม่ใช่กรณีของการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ เป็นการทำ “สัญญาเชิงพาณิชย์” ระหว่าง “รัฐบาลไทย - บริษัทต่อเรือเอกชนจีน” ผ่านรัฐบาลจีนเท่านั้น ... ฟังเผินๆ อาจไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สัปดาห์ก่อน พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เคยชี้แจงไว้ว่า “บริษัท ไชน่า ชิป บิวดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ที่ทำสัญญากับ “กองทัพเรือไทย” เป็น “รัฐวิสาหกิจจีน” ที่ได้รับมอบอำนาจ ดำเนินการโครงการจัดหาเรือดำน้ำในลักษณะ “รัฐบาลกับรัฐบาล” ... ประเด็น “เอกชน - รัฐวิสาหกิจ” หรือ “รัฐต่อรัฐ - สัญญาเชิงพาณิชย์” ไม่ใช่แค่คลาดเคลื่อน แต่ต่างกันเยอะ เข้าอิหรอบนี้ต้องมีใคร “โกหก” สักคน ...
ไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็นที่ล้มโครงการได้ แต่ก็ยิ่งประจานว่า ซื้อเรือดำน้ำหนนี้ มีทุกกระบวนท่า ทั้ง “ลักหลับ - มุบมิบ - ผิดสเปก” จะซื้อให้ได้ท่าเดียว จนมาถึง “หลอกลวงผู้บริโภค” อย่างประชาชนเจ้าของภาษี ที่หน่วยปราบโกง สตง. คงได้แต่แบ๊ะๆ จนน่าจะไปร้องเรียน “สคบ.- สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค” ประชดชีวิตซะเลย
ช.ชฎา