“บิ๊กตู่” สั่ง “รองวิษณุ - รมว.ยุติธรรม” เร่งตั้งคณะทำงาน/กลุ่มงาน พิจารณาเรื่องร้องเรียนประชาชน เน้นงาน “สอบสวน/ไต่สวน” ติดตามคดีสำคัญ สั่ง กระทรวงยุติธรรม ประสาน มหาดไทย - สตช. ร่วมพัฒนาหน่วยงาน ทำหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้แม่นยำ มีฐานอ้างอิงที่เป็นสากล พิจารณาความเป็นไปได้ในการเก็บอัตลักษณ์บุคคลเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง หวังลดขั้นตอนในการดำเนินการที่มากเกินไป
วันนี้ (21 พ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เผยแพร่หนังสือเวียน ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อ 19 พ.ค. 2560 ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและเรื่องอื่นๆ มีใจความว่า ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี 28 ก.พ.2560 ว่า เนื่องจากขณะนี้งานด้านสอบสวนหรือไต่สวนในกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนในการดำเนินการมาก ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และผู้พิพากษา ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย และ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
“ขอให้ นายวิษณุ และ นายสุวพันธุ์ เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ให้เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามผลการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ตามกระบวนการดำเนินคดีจนกระทั่งสิ้นสุดคดีความด้วย”
มีรายงานว่า ในคราวประชุม ครม. 28 ก.พ. 2560 นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามข้อสั่งการ ในคราวประชุม 12 เม.ย. 2559 ที่ขอให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณากำหนดให้มีกลไกในลักษณะคณะทำงาน หรือกลุ่มงาน ประกอบด้วย บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีศักยภาพเพื่อทำหน้าที่ติดตามคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนโดยเฉพาะในขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานสอบสวน เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการการยุติธรรมนั้น เนื่องจากงานด้านการสืบสวนหรือไต่สวนในกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนในการดำเนินการมาก
ข้อสั่งการดังกล่าว ขอให้ นายวิษณุ ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของประชาชนในส่วนที่เกี่ยวกับงานด้านการสอบสวน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความสงบเรียบร้อยในประเทศ ขณะกระทรวงยุติธรรมต้องประสานกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดแนวทางในการพัฒนาหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้อย่างแม่นยำ มีฐานอ้างอิงที่เป็นสากล รวมถึงให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการเก็บอัตลักษณ์บุคคลเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงด้วย