แม่ทัพภาคที่ 1 ถกรองผู้ว่าฯ กทม.และ บช.น.ดูแลความสงบรอบสนามหลวง ปัดวัวหายล้อมคอก สั่งเข้มจุดคัดกรอง ตรวจสัมภาระเพิ่ม พร้อมขยายวงเป็น 2 กม.ใช้ทหารภาค 1 ดู พร้อมจิตอาสาป้องกันเหตุซ้ำ สั่ง กทม.ติดวงจรปิดที่ดีที่สุดใช้ พร้อมสำรวจกล้องบ้าน เอกชนรอบพื้นที่พรุ่งนี้ เช็กมุมองศา โบ้ยม็อบกระทุ้งเปลี่ยน ซัดมือบึ้มจิตใจชั่ว
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ท้องสนามหลวง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณท้องสนามหลวง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเดินทางเข้ามากราบพระบรมศพ ภายหลังเกิดเหตุการณ์การลอบวางระเบิด ในบริเวณโรงละครแห่งชาติซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่สนามหลวง
พล.ท.อภิรัชติ์กล่าวว่า วันนี้มาประชุมเพิ่มเติมกับ กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าไม่ใช่วัวหายล้อมคอก เพราะมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้ในส่วนของจุดคัดกรองต่างๆ จะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นในมาตรการต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก เช่น การตรวจสัมภาระมากขึ้น มีการบันทึกภาพผู้เข้าพื้นที่ โดยจะขยายการดูแลจากวงไข่แดง คือ พื้นที่สนามหลวง พระบรมมหาราชวัง ไปยังพื้นที่ไข่ขาวออกไป 2 กิโลเมตร และจัดกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ออกไปอีก 1 กองร้อย พร้อมจัดอบรมประชาชนในการทำหน้าที่จิตอาสาเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ คอยแจ้งเบาะแสเมื่อพบเห็นสิ่งปิดปกติ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก เพราะผู้ที่ได้รับการอบรมจะจับสังเกตได้ในส่วนของทางทหารจะจัดชุดลาดตระเวนจักรยานเพิ่มอีกหนึ่งกองร้อย จากเดิมที่มีชุดลาดตระเวนจักรยานยนต์ จะได้เข้าไปในพื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น
พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า ในส่วนของกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) อย่าไปมองว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ หรือดีไม่ดีอย่างไร เพราะกล้องมีอายุการใช้งาน แต่ละปีเทคโนโลยีเปลี่ยนไปรวดเร็ว ไม่เหมือนกัน โดยได้สั่งการให้กรุงเทพมหานคร ได้สับเปลี่ยนกล้องที่มีคุณภาพดีที่สุดในกรุงเทพฯ มาเปลี่ยน พร้อมขอความร่วมมือจากกล้องวงจรปิดของภาคเอกชน ประชาชน ที่มีบ้านบริเวณนี้มาร่วมกัน โดย กทม.และทหารสื่อสารของกองทัพภาคที่1 จะเริ่มสำรวจกล้องทั้งหมดและบริเวณโดยรอบตั้งแต่วันพรุ่งนี้ และได้มีการหารือ 3 ฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ กทม. ในการกำหนดจุดติดตั้งที่อาจยังเป็นจุดบอดอยู่ เป็นการเพิ่มคน เพิ่มมาตรการ และเพิ่มเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วยซึ่งการตรวจสอบกล้องจะต้องตรวจมุมองศาด้วย เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2547-2548 ที่มีการชุมนุม มีการเอาถุงดำไปคลุม เอาไม้ไปกระทุ้งให้กล้องเปลี่ยนทิศทาง มีทุกรูปแบบ คนที่คิดชั่วคิดเลวก็คิดได้ทุกอย่าง
“ไอ้พวกที่จ้องจะทำอะไรไม่ดีมันก็จ้องอยู่อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้มันเอาหัวใจอะไรที่ไม่เป็นคนไทยหรืออย่างไร ที่จะมาจ้องทำลายสัญลักษณ์ ทำลายสิ่งที่คนไทยในประเทศแทบทั้งหมดมีความจงรักภักดี แต่ก็ยังมีคนที่ผมบอกได้เลย มีจิตใจชั่ว ยังคิดอะไรเลวๆ อย่างนี้อยู่ ไม่รู้คิดได้ยังไง ผมมั่นใจอยู่แล้วในความปลอดภัย แต่ไอ้คนทำก็หาเรื่องทำได้ตลอด ไม่รู้จะพูดยังไง” พล.ท.อภิรัชต์กล่าว