อดีต ส.ส.นครนายก ปชป.เผยรายงาน สปท.ให้รัฐบาลเลิกสัญญาเช่าดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์ในสุวรรณภูมิ พบผิดกฎหมายทำรายงานเท็จ มีเจ้าหน้าที่รัฐกับเอกชนร่วมกันทำ ลงทุนเกินพันล้าน ลักลอบขายสินค้าปลอดอากร ยันสามารถเลิกสัญญาได้ทันที แถมยังเก็บค่าเสียหายได้ถึง 27,000 ล้าน ฐานร่วมกันทุจริตหลีกเลี่ยงไม่จ่ายสิทธิประโยชน์ให้แก่ ทอท.15% เตรียมชงหลักฐานให้นายกฯ เดือนนี้ หวังฟันจริง แนะตรวจเส้นทางเงินบางคนที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
วันนี้ (18 พ.ค.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีที่ สปท.เสนอให้รัฐบาลยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่การบริการสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท คิงเพาเวอร์ ว่ารายงานที่ สปท.เสนอให้นายกรัฐมนตรีมีความชัดเจนถึงการทำผิดกฎหมายตั้งแต่ก่อนเป็นสัญญาเพราะมีการหลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมทุนกับเอกชนมาตั้งแต่แรกด้วยการทำรายงานเท็จ โดยเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ร่วมกันกระทำความผิด เช่น การคำนวณราคามูลค่าทรัพย์สินของรัฐและเอกชนและสต๊อกสินค้าคงคลังที่ทอท.จะได้รับผลประโยชน์ 15 % จากยอดการขายสินค้าแต่มีการหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้ ทอท.ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาโดยใน 5 ปีแรกจ่ายให้แค่ 0.45% เท่านั้น และใน 5 ปีหลังจ่ายให้แค่ 3% จาก 15% โดยในประเด็นนี้ ทอท.มิได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกฤษฎีกา ทำให้รัฐเสียหาย
นายชาญชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ยังลงทุนเกินวงเงิน 1 พันล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายต้องทำตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ศ. 2535 กำหนด โดยคิงเพาเวอร์ได้ยอมรับในการบรรยายฟ้องต่อศาลแพ่งที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายหลังจากที่ถูกบอกเลิกสัญญาในสมัยที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นประธานบอร์ด ทอท.เกี่ยวกับเงินลงทุนทั้งสองสัญญาเกิน 1 พันล้านบาท คือ สัญญาแรก บริษัทคิงพาวเวอร์ ดิวตี้ฟรี บนเนื้อที่ 5 พันตารางเมตรลงทุน 1,091 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ลงทุนเชิงพาณิชย์ในการตกแต่งร้านค้าพื้นที่ 2 หมื่นตารางเมตร รวม 1,700 ล้านบาท เท่ากับยอมรับผิดและปกปิดข้อมูลการลงทุนฝ่ายเดียวของตัวเองมาโดยตลอด และยังมีความผิดในกรณีลักลอบขายสินค้าปลอดอากรโดยมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา ตัดสินแล้วว่ามีการลักลอบขายสินค้าปลอดอากรจริง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายต้องยกเลิกใบอนุญาตขายสินค้าปลอดอากรได้ทันที
“จากการทำผิดกฎหมายหลายฉบับ หลายเหตุการณ์เป็นเหตุผลที่รัฐบาลสามารถบอกเลิกสัญญาที่ทำผิดกฎหมายได้ทันทีโดยแจ้งเป็นโมฆะกรรม รัฐบาลไม่ต้องเสียค่าโง่ใดๆ และยังสามารถเรียกเก็บเงินค่าเสียหายจากกลุ่มบริษัทเอกชนได้อีกไม่น้อยกว่า 27,000 ล้านบาท จากการร่วมกันทุจริตและหลีกเลี่ยงไม่จ่ายสิทธิประโยชน์ให้แก่ ทอท.15% ซึ่งอนุกรรมาธิการฯที่จะประชุมสรุปข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีการทำผิดกฎหมายอะไร เมื่อใด ใครเป็นผู้กระทำผิด ที่แยกชัดทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน พร้อมหลักฐานเพื่อเสนอต่อนายกฯ ได้ภายในเดือนนี้ เรื่องนี้มีการกระทำผิดกฎหมายชัดเจนแต่จัดการยากเพราะมีการอุปถัมภ์ซ้ำซ้อน แต่เชื่อว่าท่านนายกฯ จะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินซึ่งมีบางคนถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้ว เพื่อสกัดคนโกงชาติไม่ให้ขนเงินหนี และถ้าเอกชนไปมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน ปปง.ก็เข้าไปดำเนินการได้ ผมเชื่อว่าน่าจะมีการนำเรื่องนี้เข้าศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อดำเนินการต่อไป” นายชาญชัยกล่าว