เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เปลี่ยนใจยืดเวลาการแถลงผลงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติครบรอบ 3 ปีออกไปเป็นเดือนกันยายน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ จากเดิมที่กำหนดเอาไว้ในวันที่ 22 พฤษภาคม
"สิ่งที่ผมไม่พอใจเพราะทำให้เสร็จตามเวลาไม่ได้ แต่ก็ทำทุกอย่างได้ดีที่สุดตราบเท่าที่มีงบประมาณและมีเวลาทำ ส่วนใครจะทำต่อวันข้างหน้าก็ไปว่ากันมา เราพยายามทำทุกอย่างให้ต่อเนื่องเพื่อวันข้างหน้า หลายคนไม่เข้าใจและไม่พอใจ หาว่าจะสืบทอดอำนาจ ผมก็จะสืบทอดปัญหาให้ท่านไง เพราะถ้าผมทำไม่เสร็จก็จะส่งปัญหาเหล่านี้ไปให้พวกท่านแก้ต่อ นั่นแหละเขาเรียกว่าสืบทอด สิ่งที่จะต้องทำให้กับประเทศชาติ อันไหนที่เขาคิดว่าทำดีกว่าก็ให้ไปหาวิธีการใหม่ทำ"
"อย่าไปฟังคำพูดที่สัญญาว่าวันหน้ากลับมาแล้วจะให้อะไร ผมไม่ได้สัญญาแบบนั้น ผมเพียงแต่ให้ทุกคนวาดอนาคตร่วมกัน มองปัญหาและร่วมกันแก้ ผมใช้วิธีการแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วจะให้อะไรตอบแทน ถ้าเลือกตั้งกันแบบนั้น ผมถามว่าได้อะไรกลับมา นี่คือสิ่งที่ผมกังวล เพราะผมห่วงประเทศไทย ไม่ได้ห่วงประชาธิปไตย เพราะยังไงประชาธิปไตยก็ต้องเป็นประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยที่ถูกต้องมันเป็นอย่างไร การเลือกตั้งที่ได้คนมีปัญหาเข้ามาจะทำอย่างไรกับเขา ผมเข้าใจว่าการเลือกตั้งคงไม่ต่างจากของเดิมเท่าไร แต่มันก็ต้องเลือกตั้ง ประเทศไทยมีอิสรภาพเยอะแยะ เราไม่ใช้อิสรภาพเหล่านี้เลย มัวแต่ทะเลาะเบาะแว้ง มัวแต่มีปัญหา แล้วยังไม่เข้าใจปัญหา และยังให้เป็นปัญหาต่อไป ให้นึกถึงลูกหลานกันบ้าง เขาจะโตอย่างไรในวันข้างหน้า ถ้าเจอปัญหาแบบนี้ รัฐบาลนี้พยายามจะวางพื้นฐานให้ก็ขอให้เข้าใจกันหน่อย ใครที่มาพูดบิดเบือนทุกคนก็รู้อยู่ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่ แต่ทุกคนก็เสนอข่าว กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ล้มเหลว ไม่ทำอะไร ไม่มีผลงาน ประชาชนลองจับดูว่าได้อะไรบ้าง แต่ถ้าถามว่าจะได้สตางค์หรือไม่ ผมบอกเลยว่าไม่ได้ทุกคน เพราะทุกคนต้องออกแรงร่วมมือช่วยตัวเองบ้าง ถ้าคิดว่าให้เป็นหน้าที่รัฐบาลโดยอยู่เฉยๆ มันไปไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนทำได้ ต้องร่วมมือไปด้วยกัน"
คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่พรั่งพรูออกมาเหมือนกับถูกกดดันถูกโจมตีจากภายนอกในช่วงเวลาที่ผ่านมาในแบบเข้มข้นเรื่อยๆโดยเฉพาะถูกโจมตีในเรื่องผลงานช่วงที่กำลังจะแถลงผลงานของรัฐบาลและคสช.ในช่วงเวลานี้
แน่นอนว่าอาการปรี๊ดแตกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลานี้รับรองว่าต้องมาจากเสียงวิจารณ์ของฝ่ายนักการเมือง และพรรคการเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นจากพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วทั้งสองพรรคนี้ต่างก็"จัดหนัก"ไม่ต่างกันแบบทำนองว่า "รัฐบาลไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน"ผ่านมา 3 ปีเสียเวลาเปล่า เพราะไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เสียไป อะไรแบบนี้ ซึ่งหากใครเป็นรัฐบาลมันก็ต้องอารมณ์เสียอยู่แล้ว
โดยเฉพาะเสียงวิจารณ์ที่ยั่วประสาทแบบไม่ยั้งหนักข้อขึ้นทุกวัน ซึ่งในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องดาหน้าออกมา เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องสร้างความจดจำก่อนถึงเทศกาลเลือกตั้ง ซึ่งตามโรดแมปกำหนดเอาไว้คร่าวๆในราวปลายปีหน้า แม้ว่ายังเหลือเวลาอีกนานอีก 1-2 ปี อย่างที่ วิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีได้ออกมาเหน็บแนมว่าที่ต้องรีบออกมาก็เพราะกลัวว่าชาวบ้านและหัวคะแนนจะลืม ก็ตามที แต่ในความเป็นจริงมันก็ห้ามไม่ให้คนพวกนี้วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ในทางตรงข้ามจะยิ่งจัดหนักกว่าเดิมแบบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าหากพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเทน้ำหนักการตอบโต้จะเหลื่อมๆมาทางฝ่ายพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าโดนเข้าไปเต็มๆอยู่ดี
ดังนั้นจะด้วยสาเหตุและแนวโน้มแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเปลี่ยนใจยืดเวลาการแถลงผลงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกไปเป็นเดือนกันยายนก่อนสิ้นปีงบประมาณ เพราะจับสัญญาณเห็นแล้วว่าผลงานที่แถลงออกมาจะกลายเป็น"ช่องโหว่"ให้ฝ่ายพวกนักการเมืองโจมตีได้ถนัดมือมากขึ้น กลายเป็นข้อโต้แย้งได้ทุกจุด
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันตามความเป็นจริงแบบกลางๆ ไม่ใช่มองแบบ"แฟนคลับ"ดารา บรรดาเสียงวิจารณ์ที่มีต่อรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หลายเรื่องมันก็ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงนัก โดยเฉพาะความคุ้มค่าหากพิจารณาจากองค์ประกอบที่มีอยู่ในมือ เพราะสิ่งที่ชาวบ้านเขาอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องการปฏิรูปที่สำคัญแบบเห็นหน้าเห็นหลังอย่างรวดเร็ว บางครั้งมองผ่านเรื่องประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งไปด้วยซ้ำ หากจำได้มีเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่ผ่านมา 3 ปีก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จะว่าไปแล้วระยะหลังรัฐบาลมีลักษณะการทำงานแบบข้าราชการประจำมากขึ้นทุกที ชาวบ้านเริ่มเฉยๆ อย่าได้แปลกใจที่หลังๆกระแสเริ่มแผ่วลงไป
เพราะสิ่งที่พวกนักการเมืองเจาะจงเน้นโจมตีไปจุดที่ชาวบ้านสัมผัสได้โดยตรง แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเรื่องค่าครองชีพ ราคาสินค้าที่พุ่งสูงกว่าเดิม ราคาสินค้าการเกษตรที่ยังไม่ดีนัก แม้ว่าตามความเป็นจริงก็เริ่มมีหลายตัวที่เริ่มกระเตื้อง แต่มันก็ถูกกลบด้วยรายได้ที่ไม่พอจ่าย แม้จะเป็นปัญหาความรู้สึกเกิดขึ้นเหมือนกันทุกรัฐบาลที่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งที่เริ่มรู้สึก"เบื่อ"ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเริ่มเจออยู่ในเวลานี้
ดังนั้นหากเลื่อนการแถลงผลงานรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกไปเป็นเดือนกันยายน จะเป็นการหลบเลี่ยงการโจมตีจากฝ่ายการเมืองไปได้อีกพักใหญ่นั้น หากมองอีกมุมหนึ่งอาจไม่เกิดประโยชน์ก็เป็นได้ เพราะเชื่อว่าด้วยระยะเวลาไทม์มิ่งถือว่าต้องเริ่มดาหน้ากันออกมาแล้ว และแน่นอนว่าต้องพุ่งไปที่จุดอ่อนที่เริ่มเผยออกมาให้เห็นมากขึ้นทุกวัน และด้วยฝีฝากของคนพวกนี้หากได้พูดซ้ำๆกรองหูทุกวันมันก็ทำให้เป๋ไปได้เหมือนกันเหมือนกับที่รัฐบาลชุดนี้กำลังออกอาการให้เห็นแล้ว !!