รองโฆษกศาลปกครอง ยัน ครม.ให้อัยการสูงสุดยื่นศาลปกครองสูงสุดพิจารณาปมคืนท่อก๊าซใหม่ได้ ชี้บังคับคดีมีเวลา 10 ปี แต่ถ้าเกินก็อาจบังคับได้อยู่เหตุเคยทำมาแล้ว
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครอง นายประวิตร บุญเทียม รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวถึง กรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ให้อัยการสูงสุดยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาการคืนท่อก๊าซของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ คตง.เห็นว่ายังคืนไม่ครบขาดไป 3.2 หมื่นล้านบาทใหม่อีกครั้งตามมาตรา75/3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2559 ว่า ขั้นตอนในทางกฎหมายสามารถทำได้ ส่วนในคดีนี้ศาลเคยตัดสินไปแล้ว โดย สตง.ไม่ได้เข้ามาเป็นคู่กรณีจะยื่นเรื่องใหม่เพื่อให้ สตง.เข้ามามีส่วนร่วมในคดีได้หรือไม่นั้นต้องดูว่ารายละเอียดของคำร้องระบุอย่างไร ต้องการให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นไหน อย่างไรก็ตาม หลักกฎหมายของการบังคับคดีจะมีอายุความ 10 ปี เหมือนการพิจารณาของศาลยุติธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากมีการเริ่มบังคับคดีภายใน 10 ปีไปแล้วก็ถือว่ามีการบังคับคดีภายในอายุความตามกฎหมายแต่อาจไม่จำเป็นต้องบังคับให้เสร็จภายใน 10 ปี หากยังมีปัญหาแม้เกิน 10 ปีก็อาจบังคับได้อยู่เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องที่เคยมีการบังคับคดีแล้ว สำหรับคดีการคืนท่อก๊าซ ปตท. หากเกินระยะเวลา 10 ปีจะดำเนินการได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับองค์คณะจะพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ตัวแทนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นเรื่องดังกล่าวอาจเป็นการถ่วงเวลาเพื่อให้การบังคับคดีหมดอายุความ เพราะกรณีนี้จะครบ 10 ปี หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ในวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเทคนิคัลฟาล์ว จนไม่สามารถตามทวงคืนท่อก๊าซกลับมาได้
ทั้งนี้มีรายงานว่า คดีเกี่ยวกับการคืนท่อก๊าซไม่ครบถ้วนของ ปตท. นอกจากจะมีมติ คตง.ที่เห็นว่า ปตท.ยังคืนท่อก๊าซไม่ครบ 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ครม.กำลังจะส่งเรื่องกลับไปให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาอีกรอบหนึ่งแล้ว ยังมีคดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลปกครองให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ท่อก๊าซ) เพิ่มเติมอีกรวมมูลค่ากว่า 5.2 หมื่นล้าน ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางโดยคู่กรณีได้ส่งคำชี้แจงให้ศาลแล้ว อยู่ที่ดุลพินิจขององค์คณะว่าจะต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกหรือไม่