นายกรัฐมนตรี พบบิ๊กธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดูแอป คนไทยมีบ้าน ใช้สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัย เป็นฐานข้อมูลให้รัฐตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ยันหวังให้ทุกคนมีบ้าน มีรถ มีความมั่นคงในชีวิต ชี้ปัญหาบ้านเล็ก แคบ ทำให้ลูกต้องไปอยู่กับเพื่อน เชื่อยุทธศาสตร์แก้ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตได้ จวกพวกพูดรัฐไม่ทำอะไรไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ฝากฝ่ายประชาธิปไตยทำต่อ
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม ครม.นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะผู้บริหารธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส.เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์แอปพลิเคชัน “คนไทยมีบ้าน Home for all” ใช้สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นช่องทางให้ประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยกรอกแบบสำรวจผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่ง ธอส.จะนำข้อมูลที่ได้ไปวางแผนร่วมกับภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเป็นฐานข้อมูลให้รัฐบาลนำไปใช้ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยในระยะ 20 ปี 2560-2579 พร้อมวางแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดย ธอส.จะเป็นหน่วยงานพัฒนาแอปพลิเคชัน และจัดทำเคมเปญสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษ มอบให้ผู้ที่ร่วมตอบแบบสำรวจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือต้องการให้คนไทยทุกคนมีบ้าน ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ที่ต้องมีบ้าน มีรถยนต์ ปัจจุบันหลายคนยังไม่มีบ้าน และที่กังวลคือบางคนแม้จะมีบ้านแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับสมาชิกในครอบครัว จึงจำเป็นจะต้องมีการขยับขยาย รัฐบาลจำเป็นต้องดูแลในเรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นแผนหนึ่งในยุทธศาสตร์ 20 ปี นอกจากนี้เป้าหมายของรัฐบาลก็จะเข้าไปดูแลในกลุ่มคนที่มีบ้านเดิมอยู่แล้วแต่ต้องการที่จะขายเพื่อซื้อบ้านใหม่ ตรงนี้ต้องมีแผนในการขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว สิ่งที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลนี้คือมุ่งหวังให้ทุกคนมีความมั่นคง ในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งถ้าครอบครัวสังคมดีทุกอย่างก็จะดีขึ้น วันนี้สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือบ้านเล็กเกินไป หลายครอบครัวต้องอยู่ในบ้านที่แคบ เป็นสาเหตุให้ลูกต้องออกไปอยู่กับเพื่อนๆ ดังนั้นอย่างน้อยหนึ่งครอบครัวก็ควรมีบ้านที่มี 2-3 ห้องนอน อย่างไรก็ตาม โครงการต่างกล่าวจะต้องดีขึ้นเพียงแต่อาจต้องใช้งบประมาณและเวลาจำนวนมากพอสมควรจึงต้องร่วมมือกัน ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าการประกอบการทางธุรกิจต้องการผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้น แต่ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าเรื่องยุทธศาสตร์ 20 ปีก็อยากให้ทุกคนช่วยและร่วมมือกัน
“ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่อยู่กันอย่างแออัดสกปรก แล้วสังคมจะดีได้อย่างไร ส่วนใหญ่มีปัญหากับผู้ที่มีรายได้น้อย ถ้ารัฐบาลไม่ทำก็จะมีปัญหาอื่นตามมา ยุทธศาสตร์นี้จะช่วยแก้ปัญหาในด้านทางสังคมและเศรษฐกิจ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เราก็จะสามารถพัฒนาประเทศไปสู่ยุค 4.0 ได้ เราจะต้องไม่ลืมคนเหล่านี้ ปัญหาใหญ่คือเรื่องที่ดินทั้งในส่วนของเอกชนและภาครัฐ เราพยายามทุกอย่างที่จะนำที่ดินเหล่านี้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ยอมรับว่าก็ยังมีความขัดแย้งอยู่บ้าง โดยเฉพาะแนวความคิดใหม่ๆ แบบนี้ จึงอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลคิดอะไร รัฐบาลต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ทุกอย่างมีความเท่าเทียม ขณะที่ทุกคนก็ต้องพัฒนาตัวเองอย่านั่งรอให้รัฐบาลช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว คนที่ออกมาพูดว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร มักเป็นคนที่ไม่ยอมรับในการเปลี่ยนแปลง จึงอยากให้มาดูว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ถ้าพูดง่ายๆ คิดง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรทุกอย่างมันก็ง่าย ซึ่งผมจะพูดให้ดีกว่าเขาก็พูดได้ จึงอยากปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ สิทธิเสรีภาพ เพิ่มกระบวนการเรียนรู้ คิดให้เป็น รัฐบาลพร้อมรับฟังแต่ไม่ใช่บอกว่าที่คิดมาผิดทั้งหมด” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนคือการชี้แจง และสิ่งที่อยากจะฝากเพื่อให้เกิดความมั่นใจคือฝากไว้กับรัฐบาลหน้า ฝากนักการเมือง นักประชาธิปไตยให้ทำต่อ ถ้าไม่ทำต่อก็คงจบแค่นี้ สำหรับรัฐบาลนี้ทำมาได้แค่ระยะแรก ถ้าไม่ทำเรื่องบ้านต่อ 20 ปี คน 4 ล้านคนที่สำรวจพบก็จะไม่มีบ้าน เด็กที่โตขึ้นมาก็จะไม่มีบ้านเช่นกัน