“วิทวัส” เผยผู้ตรวจฯรับวินิจฉัยปมจัดซื้อเรือดำน้ำแล้ว พร้อมตั้งคกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ดึงผู้เชี่ยวชาญประเมิน ภัยคุกคามประเทศ ร่วมถกความจำเป็นในการจัดซื้อก่อนสรุป ยันแม้เป็นอดีตทหาร แต่เป็นกลาง ยึดความเป็นธรรม
วันนี้ (14พ.ค.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่น ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ขอให้ตรวจสอบและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลปกครองวินิจฉัยว่าการลงนามสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาลเป็นโมฆะเนื่องจากผิดพ.ร.บ.วิธีงบประมาณ ว่า หลังสำนักงานได้รับคำร้องจากนายศรีสุวรรณแล้วก็ได้ทำการศึกษา และเสนอให้ผู้ตรวจฯพิจารณา โดยเห็นว่าอยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถรับไว้พิจารณาและมีคำวินิจฉัยได้ พร้อมกับเสนอว่าการแสวงหาข้อเท็จจริงควรทำในลักษณะการตั้งคณะกรรมการ ซึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เห็นด้วยตามที่สำนักงานฯเสนอ และก็จะได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อไป โดยคณะกรรมการตรวจสอบชุดดังกล่าวดังกล่าวนอกจากจะประกอบด้วยฝ่ายสอบสวนของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ก็จะมีบุคคลภายนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความรู้ เข้าใจถึงเรื่องการประเมินภัยคุกคาม เพราะเวลาจะซื้อยุทธโธปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องมาจากยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ ถึงจะมากำหนดความต้องการว่า อาวุธแบบไหนถึงจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศทางทะเล โดยระยะเวลาในการทำงานของคณะกรรมการก็คิดว่าไม่น่าจะช้า
เมื่อถามว่าคณะกรรมการชุดกล่าวจะดูเฉพาะประเด็นที่ร้องคือการเสนอจัดซื้อถูกต้องตามพ.ร.บ.วิธีงบประมาณ หรือรวมไปถึงความจำเป็นในการจัดซื้อด้วย พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า คงดูรวมกันเพื่อที่จะได้ข้อมูลมาประกอบว่าแล้วการจัดซื้อดังกล่าวที่ผูกพันงบประมาณ มันมาจากความจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ แล้วเรื่องที่ว่ามันขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 เพราะการดำเนินการจัดซื้อเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญา ตรงนี้ขัดไม่ขัดก็ต้องไปดูก่อนว่าแล้วมันเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศหรือไม่ ซึ่งถ้าเราได้ศึกษาให้ดีแล้วตนก็เชื่อว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏน่าจะตอบคำถามได้
“ดีมากที่สังคมมีการตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเรือดำน้ำ เพราะสิ่งที่คณะกรรมการตรวจสอบควรจะไปดูคือดูถึงว่า ยุทธโธปกรณ์ที่จะไปซื้อมาอยู่ยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศหรือเปล่า อยู่ในแผนการจัดหายุทธโธปกรณ์ 10 ปีของกองทัพหรือไม่แล้วก่อนทำยุทธศาสตร์มีการประเมินภัยคุกคามไว้อย่างไร ซึ่งถ้าเราดูประเด็นเหล่านี้ครบถ้วนก็น่าจะตอบคำถามได้หมดว่าเราพิจารณาเรื่องนี้รอบคอบหรือไม่อย่างไร และการที่ผู้ตรวจฯเข้าไปดูถึงประเด็นความจำเป็นต้องซื้อก็ไม่ได้ถือว่าทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่ที่มี แต่อยู่ในขอบเขตอำนาจ เพียงแต่ว่าการที่เราจะมาสรุปในข้อร้องเรียนอย่างนี้จะต้องประกอบไปด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างครบถ้วน”
พล.อ.วิทวัส ยังยืนยันว่าแม้ตนเองจะเป็นอดีตนายทหารแต่ก็ให้ความมั่นใจว่าเป็นกลาง เป็นอิสระ และเป็นธรรม จะช่วยกันหรือไม่ช่วยกัน ก็อยู่ที่ 3 เรื่องนี้ว่าตนทำงานด้วยความเป็นกลาง เป็นอิสระ และเป็นธรรมหรือไม่ในการออกคำวินิจฉัย ดังนั้นถึงจะเป็นทหารมาก่อนแต่การพิจารณาตนก็ต้องยึดเรื่องความเป็นธรรม เป็นหลัก