สปท.เตรียมชงนายกรัฐมนตรีนั่งประธานบอร์ด กปช. คุมมั่นคงไซเบอร์ สั่งล้วงตับ สั่งการรัฐ-เอกชนหากไม่ร่วมมือขอศาลสั่งจำคุกและปรับเงิน
วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.) จะมีวาระพิจารณาผลการศึกษาและข้อสังเกตร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของคณะ กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน สปท. ที่มี พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตรเป็นประธาน กมธ. มีสาระสำคัญให้แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามหลายประเด็น เช่น คำว่า “ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” หมายถึงมาตรการป้องกัน รับมือ แก้ไขสถานการณ์ด้านภัยคุกคามทางโครงข่ายโทรคมนาคมการบริการดาวเทียม ระบบกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบกิจการสาธารณะสำคัญ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ความมั่นคงทางการทหาร โดยเสนอแก้ไขสัดส่วนคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กปช.) ให้มีนายกฯ หรือรองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมายมาเป็นประธาน กปช. เปลี่ยนจากเดิมที่กำหนดให้ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน ขณะที่บทบทบัญญัติว่าด้วยสำนักงาน กปช. แก้ไขให้ กปช.เป็นส่วนราชการ ฐานะเท่ากับกรมที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี จากเดิมที่เป็นเพียงหน่วยงานของรัฐฐานะนิติบุคคล ปรับเรื่องหน้าที่ให้ กปช.เป็นองค์กรศูนย์กลางด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้อำนาจตอบสนอง รับมือ ตอบโต้เชิงรุกกับกรณีทีเกิดภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญหรือร้ายแรง โดยกำหนดการสร้างมาตรการรับมือดังกล่าวอยู่ในชั้นความลับ และให้อำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนมาตรการรับมือและการปฏิบัติต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ ให้อำนาจ กปช.สั่งการไปยังหน่วยงานของรัฐหน่วยงานเอกชนให้แก้ไข ยกเลิก หรือยุติการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงไซเบอร์ทันที กรณีหน่วยงานรัฐไม่ปฏิบัติตามให้ถือว่ากระทำผิดวินัย และส่งเรื่องให้ ครม.พิจารณาได้ ส่วนกรณีเอกชน ให้อำนาจ กปช.สั่งตรงไปยังหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการก่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ ยุติการกระทำหรืองดเว้นการกระทำได้ทันที ถ้าเกิดกรณีที่จำเป็นซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากเอกชนก่อน หากหน่วยงานเอกชนไม่ยินยอมสามารถใช้มาตรการทางคำสั่งศาลได้ นอกจากนี้ยังเสนอเพิ่มมาตรการลงโทษด้วยการจำคุกและปรับเงินด้วย หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่