ยุติศึกคนตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ว่าฯ สตง.-คตง. เคลียร์ลงตัวปมสรรหา คตง.ใหม่ เตรียมเสนอชื่อ กก.สรรหาส่งเลขาฯ วุฒิสภา 24 พ.ค.นี้ “พิศิษฐ์” ยันทำตามคำสั่ง คสช. ไม่มีผลประโยชน์ดันใครเป็นผู้ว่าฯ สตง.ใหม่ เหตุไม่ลงสมัครเป็น คตง. ชี้ คตง.ปัจจุบันลงสมัครใหม่ไม่ได้ เหตุคุณสมบัติต้องห้ามเคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
วันนี้ (11 พ.ค.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวกรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ทำหนังสือถึงเลขาธิการวุฒิสภาให้ชะลอการดำเนินการสรรหา คตง.ไว้ก่อนเพื่อรอให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินมีผลบังคับใช้ก่อน และเห็นว่ากระบวนการสรรหาตามที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินทำหนังสือถึงเลขาธิการวุฒิสภาเป็นการดำเนินการที่เกินอำนาจหน้าที่ว่า การดำเนินการของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทำอย่างถูกต้องตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 23/2560 ข้อ 12 ที่ระบุว่า เมื่อมีกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับพ้นจากตำแหน่ง หรือจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทนให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง หรือนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับแล้วแต่กรณี ซึ่งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินชุดปัจจุบันจะครบวาระในวันที่ 25 กันยายน 2560 ซึ่งอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งคือจะพ้นตำแหน่งตามวาระภายใน 180 วัน ต้องดำเนินการสรรหาตามคำสั่งดังกล่าว
ดังนั้น เมื่อต้องมีการสรรหาตามคำสั่ง คสช.ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา จึงประสานมาที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้เป็นต้นเรื่องแจ้งว่า คตง.จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อไหร่ จึงได้ทำหนังสือถึงเลขาฯ วุฒิสภาลงวันที่ 24 เมษายน 2560 ถึงวาระการดำรงตำแหน่งของ คตง.ปัจจุบัน จากนั้นทางเลขาวุฒิสภาได้ส่งหนังสือกลับมาถึง สตง.ในวันที่ 28 เมษายน 2560 แจ้ง คตง.เสนอชื่อบุคคลที่จะทำหน้าที่กรรมการสรรหา ตนจึงแจ้งต่อที่ประชุม คตง.ในเวลาต่อมา ซึ่งเรื่องนี้ทาง คตง.เห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะเลขาวุฒิสภาควรทำหนังสือตรงมาถึงประธาน คตง. อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีการประชุม คตง.ตนได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และมีการนัดวันประชุมเพื่อเสนอชื่อกรรมการสรรหา คตง.ให้กับเลขาฯ วุฒิสภาภายในวันที่ 24 พ.ค.นี้แล้ว จึงคิดว่ากระบวนการสรรหาน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จากนี้ไปก็จะเป็นหน้าที่ของกรรมการสรรหาซึ่งคิดว่าน่าจะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งของ คสช.ที่ 21/2560 ส่วนที่ คตง.มีความเห็นว่าการสรรหาควรรอให้มีกฎหมายตรวจเงินแผ่นดินก่อนนั้น คิดว่า คตง.เข้าใจตัวคำสั่ง คสช.แล้ว จึงมีมติว่าจะเสนอชื่อกรรมการสรรหาให้ทันภายใน 15 วันนับจากที่ได้รับหนังสือให้กับเลขาฯ วุฒิสภา
“ผมได้เล่าให้ คตง.ฟังในที่ประชุมว่า สตง.ไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้โดยพลการ แต่เป็นหน้าที่ต้องดำเนินการตามคำสั่ง คสช.21/2560 ถ้าไม่ทำไม่ต้องพูดว่าละเว้นหรือไม่แต่ก็ไม่งาม ซึ่งคิดว่า คตง.เข้าใจเพราะข้อเท็จจริงไม่ซับซ้อน ขอยืนยันว่าไม่มีการงัดข้อและบรรยากาศใน สตง.ก็ไม่ร้อนระอุอย่างที่มีการพาดหัวข่าว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างคาใจระหว่างกัน ทุกคนทำตามหน้าที่ ซึ่งคำสั่งชัดเจนแล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก”
นายพิศิษฐ์ยังกล่าวด้วยว่า การเสียเวลาเพื่อรอการสรรหาใหม่จะไม่เกิดประโยชน์กับ คตง.ชุดปัจจุบัน นอกจากจะได้รักษาการนานขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคิดว่า 3 ปีทำงานอย่างเต็มที่ก็ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อครบวาระแล้วคนอื่นจะมาทำต่อก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย แต่การสรรหา คตง.ช้าจะกระทบกับการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่ที่จะมาแทนตนซึ่งจะหมดวาระพร้อมกับ คตง.ชุดปัจจุบันด้วย ดังนั้น ในการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตน เพราะตนไม่สมัครเป็น คตง.ชุดใหม่แน่นอน จึงไม่มีเรื่องของประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่เป็นข่าวว่า ถ้าทำเร็วแล้วตนจะได้ประโยชน์จากการผลักดันบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม การสรรหา คตง.ให้เสร็จโดยเร็วจะเป็นประโยชน์กับคตง.ชุดใหม่ที่จะมาสืบทอดงานต่อโดยไม่ขาดตอน เพราะ คตง.ชุดปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 25 กันยายน 2560 ก็อาจจะรักษาการไปอีกไม่เกิน 60 วัน จากนั้น คตง.ใหม่จะเป็นผู้เลือกคนที่จะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่
“คงไม่ใช่ว่า คตง.ชุดปัจจุบันจะไปทำหน้าที่เลือกผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไปรอ คตง.ชุดใหม่ แม้ว่าอาจจะมีสิทธิสมัครเป็น คตง.อีกครั้งหรือไม่ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมายแต่ไม่ใช่ชุดปัจจุบันนี้ ต้องแยกแยะให้ถูก ซึ่งคำสั่ง คสช.ที่ 23/2560 กำหนดไว้หมดแล้วมีเจตนาต้องการให้สืบทอดงานกัน ไม่ใช่ว่าให้สรรหาแล้วเราไม่ทำตาม ถ้าไม่ทำแล้วจะเขียนกรอบเวลาไว้ทำไม นี่คือสิ่งที่ สตง.ดำเนินการไป ไม่มีข้อขัดแย้งหรือหวังผลว่าจะให้ใครเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้น คนที่จะสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินต้องเป็น คตง.ชุดใหม่ ส่วนจะได้ คตง.คนเดิมบางคนกลับมาหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะบางคนอายุเกิน 68 ปีแล้ว ขณะที่บางคนใกล้จะ 68 ปี ดังนั้นหากคิดจะสมัครอีกครั้งยิ่งการสรรหาล่าช้าก็จะยิ่งเสียประโยชน์”
ส่วนประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการลงสมัคร คตง.อีกครั้งของ คตง.ชุดปัจจุบันว่าสามารถทำได้หรือไม่นั้น นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการตีความโดย คตง.ชุดปัจจุบันควรจะทราบเองว่าจะสมัครได้หรือไม่ แต่ถ้าอ่านตามคำสั่ง คสช.ที่ 23 จะมีความกระจ่างอยู่แล้วว่า ห้ามคนที่เคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระมาก่อนลงสมัคร แม้ว่ามีคำสั่ง คสช.ที่ 71 ให้ คตง.ชุดปัจจุบันลงสมัครได้อีกครั้งก็ตาม เพราะคำสั่งเก่าที่แย้งกับคำสั่งใหม่นั้นต้องยึดคำสั่งใหม่ที่มีการเขียนกระบวนการสรรหาไว้แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการออกคำสั่งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตีความแม้จะไม่มีการยกเลิกคำสั่งที่ 71 แต่ก็ถือว่ามีผลเฉพาะเท่าที่ไม่ขัดกับคำสั่งใหม่เท่านั้น เรื่องนี้จึงไม่ซับซ้อนต้องยึดคำสั่งปัจจุบันเป็นแนวปฏิบัติ