“ปิยวัฒน์” เผยเหตุบึ้มปัตตานีทำโจรใต้เสียมวลชนมุสลิมจำนวนมาก รวมถึงเสียความเป็นมนุษย์ รวบตัวนายก อบต.หนองจิก พร้อมพวกที่ชิงรถก่อเหตุ คาดเจ้าของตายแล้ว รับจากนี้ปชช.สัญจรลำบากเล็กน้อย หลังกลุ่มป่วนเปลี่ยนวิธี
วันนี้ (11พ.ค.) พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุคาร์บอมบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี จ.ปัตตานีว่า ขณะนี้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นอุสตาซได้ 1 คน โดยยอมรับสารภาพว่าเป็นคนเช็ดคราบเลือดที่อยู่ภายในรถคันที่ก่อเหตุคาร์บอม และให้การซักทอดผู้ที่ร่วมขบวนการปล้นรถทั้งหมดจำนวน 8 คน ซึ่ง1 ในนั้นเป็นถึงระดับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 1 รายโดยเกี่ยวข้องกับคดีด้านความมั่นคง และคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย เบื้องต้นมีผู้ต้องหาก่อเหตุปล้นรถเพื่อนำมาทำคาร์บอม 10 ราย แต่จะมีมากกว่านั้นหรือไม่ต้องดูที่คำให้การและการให้คำซักทอดของผู้ต้องหาทั้งหมด อย่างไรก็ตามคาดว่าเจ้าของรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุนั้นจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ต้องรอผลการตรวจเลือดหรือดีเอ็นเอจากคราบเลือดก่อนว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้เมื่อทราบว่าเจ้าของรถเป็นใคร ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลครอบครัวเจ้าของรถด้วย
“จากนี้ไปประชาชนในพื้นที่จะลำบากเล็กน้อย เรื่องการสัญจรไปมา เพราะทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจรถทุกคัน แม้แต่รถไอศกรีม เพราะผู้ก่อเหตุพยายามปรับเปลี่ยนแผนก่อเหตุอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราจะต้องทำให้ดีกว่าเขา ทุกครั้งเราใช้ความเป็นมนุษยธรรม ความเป็นพี่เป็นน้องไทยมุสลิม ไทยคริสต์ ไทยพุทธ ไทยจีนอยู่ด้วยกัน และเปิดโอกาสให้ทุกอย่าง จะเห็นได้ว่าทั้งจ.ปัตตานี จ.ยะลา และจ.นราธิวาส พี่น้องออกมาจับจ่ายใช้สอยได้หมดทุกคน ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรก ผู้ก่อเหตุไม่ได้เสียมวลชน แต่เสียความเป็นมนุษย์ เสียความเป็นคน จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลว่ามีคนที่ไม่ใช่คน และคนที่ไม่ใช่มนุษย์มาอยู่ในพื้นที่รึเปล่า” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
เมื่อถามว่าในอนาคตจะต้องตรวจสอบเรื่องของคุณสมบัติการเป็นนายกอบต.หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของจังหวัดที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติหลายอย่าง เพราะเหมือนกับการเล่นการเมืองทั่วไป ใครมีอิทธิพลก็จะได้เป็น คนที่ไม่มีอิทธิพลแต่เป็นคนดีก็ลำบาก เป็นแค่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งเราต้องดูว่าผู้ที่จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง