รองนายกรัฐมนตรี เปิดโครงการ “อีกนิดพิชิตเอดส์” หวังยุติโรคในปี 73 ตามเจตจำนงสหประชาชาติ ยันรัฐบาลจัดสรรงบ 4.1 พันล้านสนับสนุนให้ความรู้ บำบัดรักษา เข้าถึงยาต้านไวรัส เชื่อไทยจะหยุดยั้งโรคได้เร็วเป็นอันดับแรกๆ ของโลก
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการ “อีกนิดพิชิตเอดส์” (AIDS-Almost Zero) เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจ โดยมีมูลนิธิโรคเอดส์แห่งประเทศไทย เป็นองค์กรกลางในการระดมทุนจากภาคส่วนต่างๆ สมทบกับงบประมาณของรัฐบาลเพื่อใช้ในการดำเนินงานด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยุติโรคเอดส์ภายในปี 2573 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า โดยเริ่มจากการลดปริมาณผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตจากเอดส์ ควบคู่กับสร้างอุดมคติใหม่ให้คนในสังคมไม่กีดกันหรือเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี
ทั้งนี้ พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า โรคเอดส์สร้างปัญหาให้กับหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยมายาวนาน โดยไทยพยายามหยุดยั้งปัญหานี้จนทำให้สถิติผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ลดลง ส่งผลให้ไทยเป็นต้นแบบให้กับประเทศต่างๆ ในการรณรงค์ต่อสู้กับปัญหานี้ แต่รัฐบาลไทยยังถือเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งยังร่วมแสดงเจตจำนงกับสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 จะไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่และไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ การดำเนินงานดังกล่าวจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และต้องมีงบประมาณสนับสนุนงานด้านต่างๆ เช่น การให้ความรู้แก่กลุ่มเสี่ยง การบำบัดรักษา การเข้าถึงยาต้านไวรัส เป็นต้น
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ในรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ 4,108 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับงานส่วนนี้ ดังนั้น การทำโครงการ “อีกนิดพิชิตเอดส์” ที่มีการระดมความช่วยเหลือต่างๆ ระดมกำลังจิตอาสา รวมถึงระดมทุนจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าภายใน 14 ปีข้างหน้า หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศอันดับแรกๆ ของโลกที่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอชอีหรือโรคเอดส์ได้ตามที่ยูเอ็นตั้งเป้าหมายไว้