“ประยุทธ์” นั่งประธานประชุมงบประมาณปี 61 เร่งจัดการงบค้างท่อกันไว้ดูแลประชาชน ซึ่งคาดการณ์ไม่ได้ เข้าใจความหวังดี สปท.แต่ต้องใช้งบแก้ปัญหาประเทศ ขอติเพื่อก่อได้ แต่อย่าล้มสิ่งที่กำลังเริ่มดำเนินการอยู่
วันนี้ (8 พ.ค.)เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 1/2560
จากนั้นเวลา 14.00 น. นายกฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ถือเป็นการประชุมระดับนโยบายข้างบนในเรื่องการเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ที่จัดเพิ่มเติมขึ้นมาซึ่งเป็นกลุ่มงานยุทธศาสตร์ งานสร้างความเข้มแข็งที่ผ่านมาไม่เคยมี แต่รัฐบาลนี้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้โดยเร็ว เราพยายามที่จะจัดหาและรวบรวมงบฯที่เรามีอยู่มาเพิ่มเติมลงไป ข้อสำคัญคือการเสนอความต้องการที่มีเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการจัดทำงบฯ ลักษณะนี้เป็นครั้งแรก และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การกำหนดความต้องการมาจากประชาชนแล้วนำมาเชื่อมโยงกันให้ได้ก็จะเกิดงบฯ ส่วนหนึ่งมาบูรณาการรับ ทั้งส่วนของความต้องการของคณะกรรมการงบฯ ของกลุ่มจังหวัดที่อยู่เดิมก็นำมาผสมผสานด้วย ทั้งนี้ ตนได้ให้นโยบายไปว่าเห็นชอบในหลักการในวงเงินที่เสนอขึ้นมาแต่จะต้องนำไปกลั่นกรองอีกครั้งหนึ่ง ที่ตนเห็นชอบเพราะผ่านระดับท้องถิ่น รองนายกฯ รัฐมนตรีขึ้นมาแล้วและตนก็ได้อนุมัติเห็นชอบไป
นายกฯ กล่าวต่อว่า จากนี้ไปคณะกรรมการทั้ง 6 ภาคก็จะไปหารือร่วมกันกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจำต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการกำหนดกรอบความเร่งด่วน โดยมี 3 ระยะ คือ ระยะสั้นคือภายใน 1 ปีที่จะต้องเกิดผลสัมฤทธิ์ ระยะกลางคือ 2 ปี และระยะยาว 3 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ตนพยายามที่จะทำให้เร็วที่สุดแต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารจัดการ อีกสิ่งที่สำคัญอย่ามาว่างบฯ เยอะ และจะต้องมีการทุจริตเพราะทุจริตก็คือทุจริต ยืนยันว่าวันนี้จะต้องมีคนติดตามเรื่องนี้ ต้องมีคณะกรรมการติดตามทุกภาคในการทำงาน ก็ขอเตือนเจ้าหน้าที่ด้วย ข้าราชการ ประชาชนจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังเมื่อสิ่งที่เราใช้จ่ายไปแล้วเป็นภาษีประชาชนจำเป็นต้องเกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้ทุกคนช่วยกัน
“ผมขอร้องติเพื่อก่อได้ แต่อย่าล้มในสิ่งที่เรากำลังเริ่มดำเนินการอยู่ มันมีหลายอย่างด้วยกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจะเป็นงานฟังก์ชันส่วนใหญ่ แต่วันนี้เราต้องทำงานฟังก์ชันให้ลดลงแต่เปลี่ยนเป็นแผนงานโครงการที่ต้องทำให้ครบตามพันธกิจของเขา เราต้องมีการบูรณาการข้ามกระทรวง ข้ามจังหวัด ภาคมี 6 ภาคเราแยกออกมา 2 ภาคคือภาคตะวันออกกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ออกมาเป็นพิเศษ ทั้งนี้แผนทั้งหมดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการก็กำลังดำเนินการอยู่” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่ากรอบงบประมาณทั้งหมดจำนวนเงินเท่าไร นายกฯ กล่าวว่า ที่ตั้งเอาไว้เดิม 1.9 หมื่นล้านบาท วันนี้เขาเสนอมาเกินอยู่แล้ว เราก็ต้องตัดทอนออก อันไหนที่ทำไม่ได้ตามระยะเวลาก็แก้เป็นอย่างอื่นไปเพื่อให้นำไปทำประโยชน์เร็วขึ้น สรุปว่ามีหลายอย่างที่ไทยเราติดอยู่ สักครู่ตนได้ติดตามการประชุมของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และเห็นในความห่วงใย และเป็นเรื่องของการเสนอชั้นกรรมาธิการเรื่องการเกษตรและพูดถึงเรื่องน้ำ ความจริงวาระน้ำก็คือเรื่องน้ำ ข้าวการเกษตรก็คือการเกษตรที่พูดทั้งหมดเราก็ทำกันทุกอันอยู่แล้ว จะขอเรียนว่าทุกคนตั้งใจและถือเป็นหน้าที่ของแต่ละคน จะเห็นได้ว่า สปท.ก็คิดและรัฐบาลก็นำมาพัฒนา อันไหนทำแล้วเราก็บอกว่าทำแล้ว อันไหนยังไม่ทำก็จะบอกว่ายังไม่ทำก็จะแจ้งไป และทั้งหมดก็จะเป็นกฎหมายเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
เมื่อถามว่าจะจัดการกับหน่วยงานที่ยังมีงบค้างท่ออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า อะไรที่ค้างท่ออยู่และไม่จำเป็น อะไรที่ต้องจัดซื้อจากต่างประเทศก็ค่อยว่ากันอีกที ส่วนงบค้างท่อที่ไม่ได้ใช้งานก็นำกลับมาสู่การใช้จ่ายตรงนี้ และจะไปเติมในเรื่องการแก้ไขปัญหาประชาชน ซึ่งคาดการณ์ไม่ได้จึงต้องเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้ดูแลประชาชนเพราะคาดการณ์ไม่ได้