ข่าวปนคน คนปนข่าว
รู้ทั้งรู้ว่าคงไม่มีอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลุ้นเผื่อมีเซอร์ไพรส์ จาก“มือปราบโกง”นามกระเดื่องอย่าง พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. ที่จู่ๆ ก็รำกระบี่เข้ามาแจมปมร้อน “เรือดำน้ำ” ถึงขนาดนำทัพไปเยือนถึงกองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อขอข้อมูลการจัดซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T สัญชาติจีน แต่ไม่ทันไรก็ออกตัวล้อฟรี ว่า“ไม่มีพิรุธ” และกั๊กว่าจะสรุปผลสอบไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ทำเอาอาการ “เดจาวู” กำเริบ ภาพย้อนเรื่อง“อุทยานราชภักดิ์ - ทริปอะโลฮ่าฮาวาย” ตามมาหลอน ที่ทำท่าเข้มขรึม สุดท้ายจบเหมือนกันเป๊ะ “บริสุทธิ์ผุดผ่องล้านเปอร์เซ็นต์” การันตีคุณภาพ “ผงฟอกขาว” ยี่ห้อ “พิศิษฐ์” ที่กำจัดคราบสกปรกได้ชะงักนัก คงสโลแกน“ใหญ่ๆ เราไม่ เล็กๆ เราเก่ง” เพราะเท่าที่จำความได้ สตง. ในยุค “ผู้ว่าฯพิศิษฐ์” มีหือ มีอือ เรื่องใหญ่ๆ แค่การชี้มูลรายของ“คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็เก่งเฉพาะกับ “อบต.- เทศบาล” ไม่เคยเอาผิดในคดีใหญ่ๆ หรือเรื่องที่เกี่ยวพันกับผู้ที่มีอำนาจได้เลย ทั้งที่หลายเรื่องสังคมเชื่อว่า“โกง” กันไปแล้ว ... งานดีแบบนี้ คงได้อยู่กันยืดๆ หมดรอบผู้ว่าการ สตง. ก็มีเก้าอี้ คตง. รออยู่
เห็นข่าว กสทช. ประกาศความสำเร็จในการจับมือกับ “สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย” ลุยปิดเว็บไซต์ไม่เหมาะสมไปแล้ว 6 พันกว่าเว็บไซต์ พร้อมประสาน “เฟซบุ๊ก” หาช่องทางกำราบ “เซเลบหมิ่นสถาบันฯ” อีกต่างหาก ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม กสทช. ถึงจับพลัดจับผลูมาเป็น “นักล่าเน็ตไอดอล” ไปเสียนี่ ก็เท่าที่เข้าใจ อำนาจหน้าที่ของ กสทช. น่าจะจำกัดวงอยู่แค่การกำกับกิจการ - ออกใบอนุญาตเท่านั้น
พอย้อนกลับไปดูข่าวเก่าๆ ก็ต้องอึ้ง เพราะงาน “ล่าเน็ตไอดอล” เพิ่งมาอยู่ในมือ กสทช. แบบ “ชงเองกินเอง” เมื่อบอร์ด กสทช. เรียกประชุม“นัดพิเศษ” ก่อนมีมติให้โอเวอร์เดอะท็อป หรือ โอทีที (OTT : Over The Top) เป็นส่วนหนึ่งของกิจการ กสท. และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการโดยมี “เดอะน้ำ” พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธาน กสท. รับเป็นประธานอนุฯชุดที่ว่า ทำเอางงกันทั้งเมือง ที่กสทช. มาโมเมเอาว่า การออกอากาศ “ภาพ - เสียง” บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ OTTก็ไม่ต่างจาก “วิทยุดิจิทัล - ทีวีดิจิทัล” ที่ตัวเองดูแลอยู่ ... ว่ากันกระหึ่ม ซ.สายลม ว่าที่ กสทช. ไปฉกงาน OTT มาได้ ต้องยกความดีความชอบให้กับ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ กสทช. ที่ไปล็อบบี้จนมาเรียกประชุมนัดพิเศษ เคาะเปรี้ยงเดียว ผ่านฉลุย...
ในแง่อำนาจว่าแย่แล้ว ในทางเทคนิคยิ่งไปกันใหญ่ งานเดิมว่า“ห่วยแตก” แล้ว ยังมีหน้า“ขยายอำนาจตัวเอง” ดึง OTT มาคุมอีก ทั้งยูทูป ไลน์ทีวี ที่หนักสุดคงเป็น “เฟซบุ๊กไลฟ์” ที่กระทั่ง “พี่มาร์ค” เจ้าของเฟซบุ๊ก ยังเอาไม่อยู่ เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันประจำ แล้ว“กสทช.ไทยแลนด์” จะมีน้ำยาไปทำอะไรได้ อย่างดีก็คงไปไล่หาเศษหาเลย ไล่จับไล่ตะครุบ แล้วจับ “เน็ตไอดอล” มาตีทะเบียน เก็บค่าใบอนุญาต ส่วนที่ว่าจะไปเป็น “มือปราบโซเชียล” เตือนไว้ก่อนเลยว่า ระวังจะ “ทำเกิน” อำนาจ รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจไว้ขนาดนั้น ยิ่งเป็นมติบอร์ดใหญ่ กสทช. วันดีคืนดีมีคนไปร้องขึ้นมา ม้วนเสื่อกลับบ้านกันไม่ทัน ทั้งที่จะครบวาระอยู่รอมร่อ บางคนที่ฝันหวานจะได้ไปต่อด้วย “มาตรา 44” ก็ต้องฝันสลาย
ช.ชฎา