xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” แนะแยกอำนาจบริหารพรรคจากผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง พัฒนาเป็นสถาบัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (แฟ้มภาพ)
“สุริยะใส” แนะ กมธ.ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมืองแยกอำนาจบริหารพรรคออกจากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อพัฒนาเป็นสถาบัน

วันนี้ (7 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แสดงความเห็นว่าเป้าหมายของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่กรรมาธิการวิสามัญ สนช.กำลังพิจารณากันอยู่ในขณะนี้ยังเป็นประเด็นยิบย่อยและมุ่งแก้ปัญหาปลายเหตุเกินไป แม้จะตั้งโจทย์ได้ถูกทางแต่กลไกและบทบัญญัติยังไม่ตอบโจทย์และอาจจะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา

ประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดกันเลย คือ การแยกอำนาจบริหารพรรคออกจากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค ที่ผ่านมาพบว่าแทบทุกพรรคกลุ่มคนบริหารพรรคกับกลุ่มการเมืองในพรรคเป็นคนเดียวกันกลุ่มเดียวกัน ทำให้อนาคตของพรรคขึ้นอยู่กับชัยชนะทางการเมืองในการเลือกตั้งแต่ละครั้งไม่แปลกที่หลังเลือกตั้งบางพรรคแพ้ก็ยุบพรรคหรือย้ายพรรค หรือควบรวมพรรคเพื่อแลกกับการเข้าร่วม ครม.ก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ

หรือแม้แต่พรรคใหญ่ๆ ที่กรรมการบริหารพรรคกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส.ส. หรือรัฐมนตรีของพรรคเป็นคนเดียวกันทำให้ไม่มีเวลาบริหารพรรคอย่างจริงจัง แค่บริหารงานในฐานรัฐมนตรีก็หมดเวลาแล้วทำให้พรรคขาดโอกาสที่จะมีผู้บริหารมืออาชีพ มองไกล เอาใจใส่และพัฒนาพรรคให้เป็นสถาบัน

ยิ่งกลไกในร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมืองฉบับนี้ มีรายละเอียดมากกว่าเดิมกรรมการบริหารต้องรับผิดชอบต่อสมาชิกพรรคและสาขาพรรคมากขึ้น ยิ่งมีความจำเป็นที่ต้องแยกอำนาจบริหารพรรคเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง หรือใครดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ต้องพ้นสภาพจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคในทันทีก็สมารถทำได้

ถ้าแยกอำนาจการบริการพรรคและฝ่ายการเมืองออกจากกันชัดเจนแบบนี้พรรคการเมืองจะมีความเป็นมืออาชีพเป็นสถาบันได้มากขึ้น ไม่ใช่เป็นแค่กลุ่มผลประโยชน์ที่ทำงานการเมืองกันแค่ช่วงเลือกตั้งเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น