ผู้ว่าฯ สตง.เผยยังไม่พบมูลจัดซื้อเรือดำน้ำผิดปกติ เตรียมสรุปผลสอบภายใน 2 สัปดาห์นี้ ระบุหากพบผิดปกติ เสนอทบทวนหรือยกเลิกสัญญาได้
วันนี้ (7 พ.ค.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ ลงนามจัดจ้างสร้างเรือดำน้ำลำแรกวงเงิน 13,500 ล้านบาทกับประเทศจีนว่า การตรวจสอบของ สตง.จะยังดำเนินต่อไปเมื่อมีการทำสัญญาแล้ว ก็จะตามไปดูสัญญาและหลักฐานความเป็นมาของเรื่องเดิม ทั้งความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเปรียบเทียบราคาและการตัดสินใจเลือก
“ขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติและยังไม่มีการตั้งข้อสังเกตใดๆ จึงไม่สามารถเบรคการลงนามในสัญญาได้ เพราะจะเบรคด้วยความรู้สึกคงไม่ได้ เพราะกรณีนี้ทหารมีโครงการมานานแล้ว รัฐบาลที่ผ่านมาก็เห็นดีเห็นงามด้วย แต่อาจมีข้อตำหนิว่า 6 ลำเป็นของเก่าซึ่งเคยมีการเอามาโชว์ให้ดูแล้วไม่ได้ซื้อ เพราะมีข้อติติง และ สตง.ก็ติติงโดยมีหนังสือแจ้งไป แต่ในการจัดซื้อครั้งนี้ยังไม่มีข้อสังเกตอะไร”
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตั้งข้อสังเกตว่าการจัดซื้อดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 23 ของ พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2503 เพราะเป็นการก่อหนี้ผูกพัน 7 ปี ที่ต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติภายใน 60 วัน นับจากวันที่ 1 ต.ต.ปี 2559 คือภายในวันที่ 30 พ.ย. ปี 2559 แต่คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติจัดซื้อเมื่อวันที่ 18 เมษายนนั้น ผู้ว่าการ สตง.กล่าวว่า ได้ตรวจสอบแล้วก็พบว่ามีการดำเนินการครบถ้วยแล้ว ตามกฎหมายวิธีพิจารณางบประมาณ ซึ่งสำนักงบประมาณก็ดูแล้ว จึงบอกว่าผิดกฎหมายไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการลงนามไปแล้ว หาก สตง.ตรวจพบว่ามีข้อสังเกตใดที่ควรจะต้องทบทวนสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาก็ทำได้ โดยภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมีข้อมูลออกมาว่าจะเบรกเรื่องอะไร หรือปล่อยไปตามที่เขารับผิดชอบ ซึ่งทั้งหมดต้องเป็นไปตามเหตุผล แต่ย้ำว่าขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ