ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ใช้ ม.44 จัดการข้าราชการเอี่ยวค้าประเวณีแม่ฮ่องสอน ห่วงใช้กฎหมายปกติอาจล่าช้า บิดเบือนหลักฐาน แนะฟันเป็นคดีตัวอย่าง
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. เมื่อเวลา 10.00 น. นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) พร้อมนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษ จัดการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล่อลวง บังคับให้เด็กต้องค้าประเวณีในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้ ตามที่สหพันธ์ฯ เคยยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี และนายกฯ ได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกรณีดังกล่าว สหพันธ์ขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลใช้อำนาจพิเศษตามกฎหมายในการจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากการใช้กฎหมายหรือกระบวนการตรวจสอบหรือการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษทั้งทางอาญาและวินัยอาจส่งผลล่าช้ามาก หรืออาจเกิดกระบวนการปกปิด บิดเบือนที่เกี่ยวข้องกับหลักฐาน พยาน และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไปเกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง หากมีหลักฐานปรากฏมูลเหตุแห่งความผิด ทั้งการละเลย ไร้ประสิทธิภาพ ขอให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดให้เป็นตัวอย่างทั้งทางคดีอาญา และวินัย โดยให้พ้นการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานรัฐ ขออย่าเพียงแค่ย้ายหน่วยงานหรือตัดเงินเดือนเท่านั้น
ด้านนายเกิดผลกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาดหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จะได้ทำงานได้ไม่ติดขัดรวดเร็วและพยานจะได้ไม่อ่อนแรง ถ้านายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลเห็นการทำงานในช่วงนี้ขอให้ใช้มาตรการเด็ดขาด ในการดำเนินการควบคู่กับดำเนินคดีอาญาเพื่อขจัดปัญหา เพราะขณะนี้มีความพยายามแทรกแซงการทำงานของตำรวจ โดยมีการติดตามชิงตัวพยานหรือยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน แม้พยานส่วนหนึ่งจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองแต่มีพยานอีกส่วนที่ยังไม่เข้ามา
นายบุญญฤทธิ์กล่าวว่า ตนมีข้อเสนอ 3 แนวทาง 1. เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการทั้งผู้สนับสนุน และเป็นตัวกลาง ขอให้ดำเนินการโดยเด็ดขาด 2. เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้บริการ ขอให้ใช้กฎหมายโดยเด็ดขาด เนื่องจากเรื่องการค้าบริการนั้นมีโทษสูง โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และ 3. กรณีที่ผู้บังคับบัญชาและพื้นที่ปล่อยปะละเลยไม่ดำเนินการ ขอให้ทางรัฐบาลจัดการกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เกิดจากการเลี้ยงดูปูเสื่อหรือมีการจัดเด็กให้นาย จึงเกิดเป็นปัญหาขึ้นและปัญหาเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของการทุจริตคอร์รัปชัน จึงขอให้ในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งดำเนินการให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นคนที่ดีจะไม่มีกำลังใจในการทำงาน ส่วนรัฐบาลจะใช้มาตรา 44 หรือวิธีใดในการจัดการก็แล้วแต่จะพิจารณา
“ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์มีข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว และจะมีวิธีดำเนินการ แต่ถ้าดำเนินการไปตามปกติ สิ่งที่น่าเห็นใจที่สุดคือผู้เสียหาย และผมยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่หลักการต้องยกเลิกประเพณีเลี้ยงดูปูเสื่อ หากรัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังและทำให้เห็นเป็นตัวอย่างในครั้งนี้ได้ จะถือเป็นโอกาสในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชการที่มีมายาวนานให้หมดไป” นายบุญญฤทธิ์กล่าว