xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : เบื้องลึกเรือดำน้ำผิดสเปก ใครอยากได้ก็จัดทีมแจงเอง ไขตัวตน “บิ๊กเยิ้ม” จับยิงเป้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



กลายเป็นงั้นไป.. เห็นทาง“เสธ.ก้อง” พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ บอกว่า“นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ่นกลางที่ประชุม ครม. ว่า ไม่ค่อยปลื้มที่กองทัพเรือ ชี้แจงการจัดซื้อเรือดำน้ำ “แบบละเอียดยิบ” เพราะถือเป็นเรื่อง “ความมั่นคง” ที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องชี้แจง สะท้อนว่า “ผู้นำรัฐบาล” ไม่ได้รับรู้กระแสของสังคมที่ไม่ได้ต่อต้านการซื้อเรือดำน้ำ แต่สงสัยที่ ครม. อนุมัติโดยไม่บอกกล่าว และเป็นห่วงการใช้งบจำนวนมากในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำขนาดนี้ ที่ผ่านมา ผู้ที่เกี่ยวก็ตอบแบบ “ถามวัว - ตอบควาย” ทำให้ไม่สิ้นสงสัย …ถ้าคิดว่า “ประชาชนไม่จำเป็นต้องรู้” ก็ดูจะหนักกว่า“พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่บอกว่า “สื่อไม่จำเป็นต้องรู้” เสียอีก

ที่สงสัยอีกเรื่อง คนสำคัญที่น่าจะออกหน้าให้ความกระจ่างกับสังคมอย่าง “บิ๊กณะ” พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้นำสูงสุดขององค์กรที่กำลังจะนำเงินภาษี 1.35 หมื่นล้านไปแลกเรือดำน้ำ 1 ลำ และ 3.6 หมื่นล้านในอนาคต กลับ “ไม่มีบทบาท” ชี้แจงกับเขาบ้าง แต่เป็นคิว“บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ว่าที่ ผบ.ทร. เป็นผู้แถลงแทนซะอย่างนั้น คล้ายกับมี “พลังงานบางอย่าง” ตัดตอนให้อยู่นอกวงโคจรของการจัดซื้อครั้งนี้

มาว่ากันต่อวีรกรรมของ “บิ๊กเยิ้ม” พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 นายทหาร ตท.12 ร่วมรุ่น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจให้เป็นสมาชิก สปท. และเพิ่งเบ่งกล้าม ว้ากใส่ “สื่อมวลชน” ประมาณว่า จะจับไปยิงเป้า ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสื่อฯ เมื่อวันก่อน โดย “บิ๊กเยิ้ม” สร้างชื่อ พร้อมปิดฉากชีวิตราชการในตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 มีบทบาทสำคัญยิ่งในช่วงที่ ไทย - กัมพูชา มีข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบเขาพระวิหาร จนมีการปะทะช่วงสั้นๆ เมื่อปี 2554 โดยมีข้อมูลว่า ทางกัมพูชาขึ้นมาสร้างวัด - ชุมชน ก็ในช่วงที่ “บิ๊กเยิ้ม” เป็นแม่ทัพนั่นเอง ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่า “ท่านแม่ทัพ” มีความใกล้ชิดกับนักธุรกิจกัมพูชา เนื่องจากเป็น “นายทหารอีสานใต้” อยู่ในพื้นที่ชายขอบติดกัมพูชามาตลอด แถมยังมีสมญานามน่ารักเป็น“นายพลกุนเชียง”ที่คอยส่งเสบียงทั้ง ข้าวสาร กุนเชียง หัวไชโป้ว ไปบรรณาการให้ผู้บังคับบัญชากัมพูชาทุกระดับอย่างทั่วถึง อีกต่างหาก

ที่สุด วัด - ชุมชน เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ศาลโลกตัดสินออกมาแบบไม่เป็นผลดีกับไทย พูดง่ายๆ คนที่ปล่อยให้เขมรมาสร้างตลาด - วัด - ชุมชน ตอนนั้น ทำให้ประเทศต้องสูญเสียอธิปไตย - ดินแดน … คำถามมีว่า หากเทียบระหว่าง “สื่อเลว” กับ “ทหารใหญ่” ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องดินแดนอย่างชายชาติ ทำให้ประเทศต้องสูญเสียอธิปไตย ใครมันน่ากุดหัวกว่ากัน ... ไม่เท่านั้น พล.ท.ธวัชชัย ที่ได้ชื่อว่าเป็น“ทหารเซ้งลี้”จนถูกเรียกจนคุ้นหูว่า “เสี่ยเยิ้ม” ยังเคยถูกแฉโพยเรื่อง“ผลประโยชน์”ชายแดนกับเขมร รวมทั้งถูกแฉหนักเรื่องที่ “บ้านเล็กบ้านน้อย”ไปทำมาค้าขายกับกัมพูชา น่าจะเป็นเหตุที่ทำให้ผูกใจเจ็บ “สื่อมวลชน” มาจนบัดนี้ พอได้ทีเลยโชว์ “วุฒิภาวะสูงส่ง” ด้วยการประกาศจะประหารสื่อกลางสภาฯ ซะเลย

ไล่เรียงประวัติ “เสี่ยเยิ้ม”ก็จะพบว่า ได้รับการอุ้มชูจาก“เพื่อนตู่”มาโดยตลอด สมัยที่ซอยเท้าอยู่ในตำแหน่ง “รองแม่ทัพ 2 - แม่ทัพน้อย 2” อยู่นานสองนาน ก็เป็น “บิ๊กตู่” ที่ไปกระชากขึ้นมารับเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 2 ที่จ้องมานาน แล้วพอ คสช. เข้ามา “บิ๊กเยิ้ม” ที่ไม่ได้มีบทบาทในช่วงยึดอำนาจอะไรมาก เพราะเกษียณไปแล้ว ก่อนถูกตั้งให้เป็น สนช. ชุดแรก แต่เป็นได้ไม่กี่วัน ก็โดนสื่อลากสาแหรก เคยไปเป็นรองหัวหน้าพรรค และสมัคร ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ในนามพรรคชาติพัฒนา ของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่คุ้นเคยกันมาสมัย “เสี่ยเยิ้ม” เป็นใหญ่อยู่ที่ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เมืองโคราช พอโดนคุ้ยว่าขัดคุณสมบัติ สนช. ตาม รธน. ก็ต้องไขก๊อก ออกไป เป็นอีกกรณีที่ทำให้แค้นฝังหุ่นกับนักข่าว

แล้วไม่รู้ว่าเพราะเป็น “เพื่อนนายกฯ” หรือเก่งกล้าสามารถกว่าคนอีกครึ่งค่อนประเทศ ที่สุด คสช. ก็หาตำแหน่งให้ลง แต่งตั้งให้เป็น สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต่อเนื่องมาถึง สปท. ชุดปัจจุบัน เช่นเดียวกับตำแหน่งประธานซูเปอร์บอร์ด กสทช. ประธานบอร์ด ร.ฟ.ท. บอร์ดการนิคมฯ บอร์ดไทยออยล์ ที่เคยได้รับมาก่อนหน้านั้น

แม้จะเกษียณอำลาตำแหน่งไปนานหลายปีแล้ว อิทธิพล “บิ๊กกุนเชียง” ยังแผ่อยู่ใน กองทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลพื้นที่ “อีสานใต้” จนมีข่าวล่าสุดว่า รู้เห็นเป็นใจเปิดทางให้“สายตะกูรีสอร์ทและกาสิโน”สร้างในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนไทย - กัมพูชา ใกล้ชายแดน จ.บุรีรัมย์ กับเขาด้วย เนื่องจากสนิทสนมกับ ออกญาลึม เฮง นายทุนใกล้ชิดนายกฯฮุนเซน ของทางฝั่งเขมร พร้อมๆ กับมีชื่อ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทรปัญญา นายทหาร ตท.6 เพื่อนซี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ “ดีลเมคเกอร์ตัวพ่อ” เป็นผู้สนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการ จนทำให้ถึงบางอ้อว่า เหตุไฉน “บ่อนสายตะกู” ถึงเป็น “สายแข็งโป้ก” ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง หรือแม้แต่จะเอ่ยถึง ... ก็มีชื่อทั้ง “ซี้ตู่ - ซี้ป้อม” เป็นแบ็กอัพ แบบนี้ใครจะกล้าไปแตะ



ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น