เครือข่ายแม่ 4 ภาค ยื่นหนังสือ สนช.จี้จัดเวทีฟังข้อเสนอผลักดันคุ้มครองผู้เสียหายความผิดฐานค้ามนุษย์ โอนคดีค้ากามแม่ฮ่องสอนให้ดีเอสไอรับผิดชอบ ฟันนักเที่ยวจริงจัง ปรับความคิดข้าราชการ ทำฐานข้อมูลเด็กเสี่ยง ให้รัฐกวาดล้างคุยสถานบริหารไม่หาประโยชน์จากเด็ก ด้าน “ครูหยุย” รับข้อเสนอ ชี้ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายแม่ 4 ภาคร่วมกับมูลนิธิเพื่อนหญิงและมูลนิธิพิทักษ์สตรี นำโดยนางศุภนันท์ วงศ์ปัญญา ผู้ประสานงานเครือข่ายสตรี 4 ภาค ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี ประธานอนุกรรมาธิการกิจการเด็กและ เยาวชน เพื่อขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบและจัดเวที เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาต่อรัฐบาลในกรณีการค้ามนุษย์ที่ จ.แม่ฮ่องสอน โดย 1. ขอให้เร่งจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเสนอต่อรัฐบาลเพื่อร่วมผลักดันกลไกการคุ้มครองผู้เสียหายความผิดฐานค้ามนุษย์ทั้งในเรื่องการดำเนินคดี การคุ้มครองพยาน และการตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาและมีส่วนเกี่ยวข้องในการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการใช้บริการเด็กและเยาวชน โดยให้ตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงโดยมีผู้แทนจากหลายภาคส่วน องค์กรอิสระ และภาคประชาสังคม ร่วมเป็นกรรมการ
2. ขอให้มอบโอนคดีความผิดฐานการค้ามนุษย์ของ จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ 3. ยกระดับการดำเนินคดีกับชายนักเที่ยวที่ซื้อบริการทางเพศจากเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง 4. ยกระดับการรณณรงค์ปรับฐานความคิดของข้าราชการต้องช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายและไม่แสวงหาประโยชน์จากเด็ก เยาวชนและผู้หญิง 5. ขอให้มีมาตรการยกระดับการทำฐานข้อมูลเด็ก เยาวชน ทั่วประเทศ กลุ่มเสี่ยง เพื่อกำหนดมาตราการคุ้มครองสวัสดิภาพ ไม่ให้เข้าสู่วงจรการค้ามนุษย์ และ 6. ขอให้รัฐบาลยกระดับการกวาดล้างและทำความเข้าใจกับสถานบริการต้องไม่แสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ด้านนายวัลลภกล่าวว่า ในส่วนของการจัดเวทีพูดคุยในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้คุณหญิงทรงสุดาไปดำเนินการ ส่วนที่ทางเครือข่ายขอเข้ามีส่วนร่วมในการเป็นกรรมการติดตามตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวนั้นก็จะเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้เข้าร่วมด้วย สำหรับการขอให้คดีนี้เข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอนั้น ต้องดูว่าคดีดังกล่าวเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่ หากเข้าข่ายดีเอสไอก็นำเข้าเป็นคดีพิเศษได้ ส่วนเรื่องการให้เลิกเลี้ยงดูปูเสื่อให้ข้าราชการ เรื่องนี้เป็นเรื่องทัศนคติ คงต้องดูว่าจะมีการรณณรงค์กันอย่างไร อย่างไรก็ตาม กฎหมายการค้ามนุษย์มีความรุนแรงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ เพียงแต่อาจมีปัญหาเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายซึ่งถือเป็นจุดอ่อน