xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ฟัง 5 ข้อเรียกร้องแรงงาน จับตาขึ้นค่าจ้าง เบี้ยคนชรา แนะจับคนกุลดบัตรทองมาตบปาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี เปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ รับฟัง 5 ข้อเรียกร้อง แนะทุ่มเทให้เหมือนเจ้าของกิจการ ยันไทยยังต้องการแรงงานมาก พยายามแก้ปัญหาไม่ได้อยู่เอาตัวรอดไปวันๆ แนะต้องพูดภาษานายจ้างต่างชาติให้ได้ ปัดลดบัตรทอง ขอชาวบ้านจับคนพูดมาตบปากสักที ถามสื่อพาดหัวให้ตื่นเต้นแล้วได้อะไร แนะดูหนังสือพิมพ์ต่างชาติ แย้มจับตาขึ้นค่าจ้าง เบี้ยสูงอายุ อย่าไปส่งลูกเรียนให้กลับมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บ้าน

วันนี้ (1 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2560 ภายใต้คำขวัญประจำปี “แรงงานรู้รักสามัคคี สดุดีจักรีวงศ์ รณรงค์เศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ข้าราชการ และสภาองค์การลูกจ้าง 15 องค์กร สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ และศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

โดยนายชินโชติ แสงสังข์ ประธานคณะกรรมการจัดงานได้นำเสนอข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2560 จัดทำขึ้นโดยสภาองค์การลูกจ้าง 15 องค์กร ร่วมกับสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ และศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ ประกอบด้วย 1. ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98 ว่าด้วยเรื่องสิทธิในการรวมตัวจัดตั้งองค์กร สมาคม สหภาพ และเจรจาต่อรอง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องข้อเดียวที่ใช้เวลาเรียกร้องมาอย่างยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2535 ตั้งแต่สมัยรัฐบาล รสช. และดูเหมือนทุกยุคทุกสมัยของรัฐบาลพยายามโปรยยาหอมว่าจะรับรองสัญญาทั้ง 2 ฉบับแต่ไม่เคยสำเร็จ

2. ให้รัฐบาลปฏิรูปสำนักงานประกันสังคม เช่น ยกสถานะสำนักงานประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระ หรือ องค์กรนอกระบบที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ซึ่งมีงบประมาณกว่า 1 ล้านล้านบาทที่ไม่เคยบริหารจัดการ และต้องให้รัฐบาลนำเงินมาอุดหนุน จึงจำเป็นต้องปลดล็อคให้สำนักงานประกันสังคมในการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว นอกจากนั้นขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แก้ไขกฎกระทรวง กรณีลูกจ้างเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการทำงาน เมื่อลูกจ้างใช้สิทธิกองทุนเงินทดแทนครบตามสิทธิแล้ว ให้ลูกจ้างมีสิทธิใช้กองทุนประกันสังคมต่อไปได้ และให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 มีสิทธิเข้าเป็นสมาชิกกองทุนเงินออมแห่งชาติ

3. ให้กระทรวงแรงงานเร่งปรับปรุงกฎหมายเพื่อการคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบให้มีสิทธิประโยชน์ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนรร่วมของแรงงานนอกระบบ และให้จัดตั้งกรมคุ้มครองและส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ 4. ขอให้รัฐบาลคงความเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง โดยไม่ลดสัดส่วนการถือครองจากภาครัฐลงน้อยกว่าร้อยละ 50 และให้รัฐบาลลดหย่อนเก้บภาษีเงินได้ กรณีค่าชดเชยและเงินตอบแทนความชอบของพนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเงินได้อื่นๆ ซึ่งเป็นเงินงวดสุดท้ายของลูกจ้าง 5.ให้รัฐบาลแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้มีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทุกสถานประกอบกิจการ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตของคนทำงาน และในกรณีที่สถานประกอบการที่มีกองทุนเงินสะสมให้แปลงสถานะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และส่งเสริมการออมของลูกจ้างในรูปแบบสหกรณ์ออมทรัพย์ในทุกสถานประกอบกิจการ

ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้รับฟังไปแล้ว 5 ข้อ และจะบอกเล่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปแล้วและสิ่งที่กำลังจะทำ เพื่อชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจและมีส่วนในการสร้างประเทศทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ถือเป็นหุ้นส่วนประเทศ ถ้าบริษัททุกบริษัท ทั้งผู้ประกอบการ หัวหน้างาน และแรงงาน ทุกคนถือว่ามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของในการประกอบการ ของโรงงานของตัวเอง และจะทำอย่างไรให้มีความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ ก็จะเกิดความทุ่มเททุกอย่างลงไปในงาน นำไปสู่ผลผลิตที่ดีตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเองด้วยที่ต้องเอาใจใส่ ให้ทุกคนมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน อย่าคำนึงถึงผลประโยชน์อย่างเดียว และต้องเข้าใจว่านักธุรกิจต้องการกำไรให้มากที่สุด สิ่งที่จะทำให้ได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแรงงานด้วย ดังนั้นเรื่องการดูแลอาจจะไม่เท่าเทียมกัน ไม่เหมือนกัน รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องทำให้เกิดความเท่าเทียม ไม่ว่าจะขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่

“ประเทศไทยยังต้องการใช้แรงงานขับเคลื่อนประเทศ นับวันยิ่งมีมากขึ้นไม่ได้น้อยลง ถึงแม้จะมีการปิดกิจการลงไปบ้าง แต่ไม่ใช่ไม่อยากทำ แต่เขาต้องการเปลี่ยนแปลงการผลิต ยกระดับประเทศให้สูงขึ้น อาจมีการลงทุนประเภทอื่น หรือ ประเภทเดิม ที่เพิ่มเครื่องไม้เครื่องจักรให้มากขึ้น แต่ยังต้องการใช้แรงงานเหมือนเดิม เพราะรัฐบาลกำหนดไว้แล้วว่าต้องมีการใช้แรงงานในประเทศให้มากขึ้น ขออย่ากังวลในข้อนี้ หากไม่มีงานให้ทำ รัฐบาลก็จะหางานให้ทำจนได้ รัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ไม่ปล่อยปละละเลย มีหน้าที่ในการดูแลคนทั้ง 70 ล้านคน นี่เป็นหน้าที่ของทุกรัฐบาลที่ต้องดูแล รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนที่จะตามมา หรือรับต่อจากตัวเอง ต้องพูดว่าจะดูแลคน 70 ล้านคน ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ทั้งหมดคือคนไทย ถ้าไม่ดูแล ถือว่าไม่ใช่รัฐบาลของปวงชนชาวไทยที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แม้จะยากแสนยากแต่ก็ต้องทำ จำเป็นต้องทำโรดแมป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนอแรงงาน 5 ข้อ คือหนึ่งในร้อยปัญหาที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ ไม่ได้ทำเพื่ออยู่รอดไปวันๆ แต่ต้องการแก้ปัญหาให้มากที่สุด เพื่อปลดล็อกอุปสรรคของประเทศ ให้พ้นขีดจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เมื่อความต้องการใช้แรงงานขับเคลื่อนประเทศ ต้องมีทั้งแรงงานในระบบ และแรงงานนอกระบบ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตัวเองระลึกเสมอว่าเป็นแรงงานเหมือนกัน เพราะทุ่มเทแรงงาน ทุ่มเทใจของตัวเองในการทำงาน ถึงแม้จะใช้แรงน้อยหน่อย แต่ใช้แรงใจมากเหลือเกินในการทำงาน ไม่ได้เรียกร้องความเห็นใจ แต่เป็นหน้าที่ เพราะประเทศเป็นของพวกเราทุกคน ดังนั้นต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมในสถานประกอบการ ให้รู้สึกว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน หากแรงงานแสดงให้ผู้ประกอบการเห็น เขาก็ต้องดูแลเรา ไม่ทอดทิ้งเรา ทั้งสองฝ่ายต้องทั้ง give ทั้ง take คือทั้งให้ และรับ เวลาไปต่างประเทศก็พูดอย่างนี้ ไทยไม่ได้รับอย่างเดียว ก็ต้องให้เขาด้วยเช่นเดียวกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การพัฒนาแรงงานเป็นสิ่งสำคัญ ตามแผนงานไทยแลนด์ 4.0 อย่าไปฟังคนอื่นว่าจะคนจะไม่มีงานทำ ไทยมีเศรษฐกิจหลายรูปแบบ วันนี้อยู่ 3.0 คือ มีโรงงาน เครื่องจักรหนัก แต่พอก้าวเข้าสู่ 4.0 เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่จะพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจขนาดใหญ่ รัฐบาลกำลังสร้างพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซี ที่มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอยู่พอสมควร ที่จะเชื่อมโยงสามจังหวัดตะวันออก เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยระบบถนน รถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูง ทุกคนก็จะมีส่วนช่วยสร้างไทยแลนด์ 4.0 เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะมีภาษีมากขึ้น ก็จะพัฒนาประเทศได้มากขึ้น ถ้าไม่ทำ ก็ต้องใช้งบประมาณที่มีอยู่เดิมในการพัฒนาประเทศ

“วันนี้กำลังเปลี่ยนผ่านจากปัญหาเดิมไปสู่ปัญหาให้มันน้อยลง ถ้าทำได้ก็อยู่ได้ไปอีก 30 ปี ไม่ต้องจมไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่กำลังจะจม รัฐบาลได้แก้ปัญหาไปหลายประการ มีแผนงานปฏิรูปประเทศ แรงงานก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะมีส่วนในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต แปรรูป หรือการจำหน่าย ขอให้ทุกคนสบายใจว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ตัวเองตั้งใจมาหลายวันที่จะมาพบในวันนี้ ไม่เคยกลัวปัญหา ไม่เคยกลัวใครมาต่อต้าน เพราะมีใจที่จะทำให้ ถ้าเข้าใจกันก็จะไม่มีปัญหาระหว่างกัน ทำงานด้วยกันได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลพยายามปลดล็อคอุปสรรคในการลงทุน การค้า อุตสาหกรรม จำเป็นต้องแข่งขันกับต่างประเทศ ทั้งหมดเพื่อประชาชน หวังจะทำให้เท่าเทียมเขา สิ่งที่เราได้เปรียบคือ แรงงานของเรา คนของเรา รอยยิ้มของเรา ทุกคนไม่เคยโกรธว่าแรงงานไทยไม่มีประสิทธิภาพ เสียอย่างเดียวคือต้องพูดภาษาเขาให้ได้ ใครจะเป็นหัวหน้างานต้องทำให้ได้ จำคำพูดตัวเองไว้ ได้เร่งรัดกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วว่าให้ดำเนินการ และให้ประสานติดต่อกับบริษัทผู้ประกอบการ เพื่อติดตั้งคำแนะนำองค์ความรู้เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ ให้เกิดการเรียนรู้ เหมือนที่รุ่นลูกเราฟังเพลงเกาหลี ก็ฟังภาษาเกาหลีได้ แล้วรุ่นพ่อรุ่นแม่จะยอมหรือไม่ เหมือนกับการฝึกทหารใหม่ ในค่ายจะติดป้ายบอกวิธีการเป็นทหาร สอนวิธีการยิงเป้าให้แม่น ติดให้หมดทุกที่ เดินผ่านไปผ่านมาทุกวันต้องอ่าน สุดท้ายเดี๋ยวทหารก็ยิ่งแม่นกันเอง นี่คือประสบการณ์จริง ดังนั้นแรงงานต้องไม่กลัวชาวต่างชาติ ต้องเป็นเจ้าภาพที่ดี ไม่เดินหนี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการพัฒนาให้เข้าถึงสิทธิต่างๆ มีงานทำ ให้แรงงานปลอดภัยในการทำงาน เหล่านี้ทำไม่ได้เลยสักข้อ ถ้าประเทศมีความขัดแย้ง วันนี้เป็นโอกาสที่คุยกันรู้เรื่อง คุยกันเข้าใจ ไม่ใช่เดินมาประท้วงกันผิดกฎหมาย ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะผิดกฎหมาย ปล่อยปละละเลยไม่ได้ ถ้าปล่อยมากก็มีปัญหา อย่านำประเทศกลับเข้าสู่ที่เดิม มันอาจจะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง หากมองถึงคนส่วนใหญ่จะรู้เองว่าอะไรบ้างที่ดีขึ้น ทุกอย่างที่พูดทั้งหมดคือ ความมั่นคง และความมีเสถียรภาพ คือไม่มีทะเลาะ เบาะแว้ง ไม่มีความขัดแย้ง ทุกประเทศเดินทางมาก็ชมตัวเอง แต่ก็บอกว่าไม่ต้องชม ให้ชมคนไทย เพราะตัวเองไม่เคยยุใครให้มาทำแบบนั้น ถ้าเราไม่ปล่อยปละละเลย ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น เหมือนกับโลกโซเชียลมีเดีย ที่มีการปล่อยข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงทุกวัน

“ขอให้หยุดอย่าให้คนเหล่านี้ออกมาเคลื่อนไหวอีก วันนี้ไม่ได้บอกว่าจะลดอะไรเลย มีแต่จะเพิ่มทั้งหมด ใช้งบประมาณมหาศาล ไม่เคยลดบัตรทอง 30 บาท ขอให้ประชาชนไปจับคนที่พูดมาตบปากสักที มีแต่จะเพิ่มให้ และใช้เงินจำนวนมาก เป็นสิ่งจำเป็นเพราะมันเริ่มโครงการมาแล้ว แม้จะไม่มากนัก รัฐบาลคงไม่สามารถทำอะไรเพื่อเรียกคะแนนนิยมได้ หลายคนอาจจะไม่รักตัวเองตรงนี้ เรื่องอะไรต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาษี จะมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อหาทางออก เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายต้องใช้เวลาดำเนินการ แม้ตัวเองจะมีอำนาจเต็มที่ ก็จะใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้หลายเรื่อง มีเรื่องเดิมๆ พูดแล้วพูดอีก ถามแล้วถามอีกที่เดิม จนไม่รู้อะไรเป็นอะไร ตัวเองมีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ อะไรก็ตามที่ดีก็ขอให้ทุกคนร่วมกันทำ อะไรไม่ดีตัวเองจะรับผิดชอบ ขอให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรให้เสียหายเด็ดขาด สื่อก็เพื่อนกัน เขาจำเป็นต้องเขียน ไม่อย่างนั้นก็ขายของไม่ออก พาดหัวให้มันตื่นเต้น แต่สิ่งที่สำคัญคือพาดหัวไปแล้วได้อะไรขึ้นมา ได้สร้างสังคมที่อบอุ่นหรือไม่ ตัวเองไม่ปฏิเสธเรื่องราวร้ายแรงมีอยู่ในประเทศ ขอให้ไปดูหนังสือพิมพ์ต่างประเทศที่มีการนำเสนอที่แตกต่างกัน ฆ่ากันตายพาดหัวตัวเล็กๆ แต่ของไทยถ่ายแล้วถ่ายอีก พูดแบบนี้เดี๋ยวสื่อก็มาชวนทะเลาะอีก แต่ไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะมาแบบนี้ก็จะไปแบบนี้

“หลายอย่างที่ทำวันนี้ อย่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็เขียนกันว่าอยากอยู่รวบอำนาจ เขียนทุกวัน ส่วนตัวอยากอยู่ที่ไหน ไม่มีใครไม่ตาย ทุกคนก็ตายหมด ขอให้ตายกันดีๆ ก็แล้วกัน ให้กฎหมายทำงาน อย่าปั่นไปปั่นมา คนทำงานก็ลำบากใจ คนทำผิดก็ไม่โดนลงโทษ คนตัดสินก็กลัว ไม่ได้ต้องปล่อยให้เขาทำงาน เรื่องของศาล ขอให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการ ที่ผ่านมาเป็นหรือไม่ เรื่องยุติธรรม กฎหมายคือสิ่งที่ทำให้ประเทศสงบสุข ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ทุกคนต้องช่วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คนเราต้องมีกระบวนการคิดวิเคราะห์ ทุกคนต้องใช้สติปัญญา ไม่ให้ถูกเขาหลอกล่อ บิดเบือน บางคดีลงทุนก็ถูกหลอก ไม่มีธุรกิจอะไรให้ผลประโยชน์มากขนาดนั้น อย่าไปเชื่อแม้แต่รายเดียว ที่จับได้วันนี้ เพราะที่ผ่านมาปล่อยปละละเลย วันนี้หนี้นอกระบบก็ทำให้ รู้ว่าสังคมต้องพึ่งอยู่ ก็ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ลดดอกเบี้ยให้ ทุกคนต้องใช้อย่างประหยัด พอเพียง ไม่ว่าเงินเดือนเท่าไร มันอยู่ได้แน่นอน ถ้าไม่ไปหมดสิ้นกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

“ขอให้ติดตามเรื่องขึ้นค่าจ้าง เบี้ยสูงอายุ ที่จะมีการประชุมร่วมกันสามฝ่าย จากรัฐบาล สมาคมผู้แทน และผู้ประกอบการ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ ต้องผ่านที่ประชุมร่วมกันสามฝ่าย นอกจากนั้นเด็กทุกคนต้องมีงานทำ ทุกสาขาต้องมีงานทำ อาชีวะทุกคนต้องมีงานทำทั้งหมด จะพัฒนาไทยแลนด์ 4.0 จะใช้เทคโนโลยี ใช้ช่างเต็มไปหมด ปริญญาไม่ได้ใช้ อย่าไปส่งลูกเรียนให้กลับมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บ้าน ต้องส่งลูกเรียน กลับมาให้มีงานทำ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับ หลังจากเยี่ยมชมนิทรรศการที่กระทรวงแรงงานจัดขึ้น นางพิมมาศ บุญเกีย อายุ 59 ปี หญิงวัยกลางคน ชาว กทม.พยายามวิ่งเข้าไปหารถนายกรัฐมนตรีเพื่อยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือกรณีถูกโกงบ้านและที่ดิน โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกปลอมแปลงเอกสารไปกู้เงินจนถูกยึดที่อยู่อาศัย พร้อมร้องตะโกน “นายกฯ ช่วยด้วย ดิฉันถูกโกง โดนโกง” แต่ยังไม่ทันถึงรถเจ้าหน้าที่ก็ได้คุมตัวเอาไว้ก่อน และนำข้อมูลส่งให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือ และตรวจสอบต่อไป



























กำลังโหลดความคิดเห็น