xs
xsm
sm
md
lg

ต้นเหตุปัญหาปากท้องบานปลาย “ประยุทธ์” ระวังทำอะไรก็ผิด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

อาจรู้สึกแปลกใจ และต้องตั้งคำถามเหมือนกันว่าในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนมานี้ ทำไมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงได้ถูกหลายเรื่องรุมเร้าเข้ามา จนทำให้เกิดปมปัญหาตามมาเกิดเป็นแรงกระแทกเข้ามาแบบจังๆ แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ที่สำคัญก็คือ กำลังถูกจับตามองว่า นี่เป็นช่วงที่ยื้อ “ภาวะทรงตัว” ก่อนเข้าสู่ลักษณะ “ขาลง” อย่างรวดเร็วหรือเปล่า และหากจะให้คาดหมายล่วงหน้า ก็คือ นับจากนี้จะมีสารพัดปัญหาในอดีตที่จะถูกขุดคุ้ยตั้งคำถามเป็นรายวันจากชาวบ้านที่เคยสนับสนุนมาก่อน แต่เมื่อเห็นว่าเริ่มหมดหวัง ก็จะเริ่มปล่อยมือ วางเฉยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแบบนี้แหละน่าอันตราย เพราะจะว่าไปแล้ว เสถียรภาพและความมั่นคงหลักของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจากความศรัทธาของชาวบ้าน ส่วนกองทัพ น่าจะเป็นเรื่องรองลงไป

ปัญหาหลักดังกล่าวที่ชาวบ้านเรียกร้องและคาดหวังมาก่อนหน้านี้ก็คือ เรื่องการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจและกระบวนการยุติธรรม หรือแม้กระทั่งเรื่อง “การเล่นพรรคเล่นพวก” จนกระทั่งลุกลามต่อเนื่องมาจากผลงานแก้ปัญหาเรื่องหลัก อย่างเรื่อง “ปากท้อง” ค่าครองชีพที่ชาวบ้านยังรู้สึกได้ตรงกันว่า “ยังไม่เวิร์ก” มันก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดปัญหาอื่นปะทุขึ้นตามมา เช่น ปัญหาคอร์รัปชัน แม้ว่าในเวลานี้ยังไม่มีกรณีที่เห็นชัด แต่ก็มีเรื่องสะสม “ความสงสัย” ต่อเนื่อง เช่น ปัญหาความไม่ชอบมาพากลในกรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ปัญหาเรื่องพฤติกรรมของคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกฯ ที่ก่อนหน้านี้ แทบไม่ส่งผลอะไร นั่นเพราะความศรัทธาในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลยังมีอยู่ค่อนข้างสูง จึงไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนมากนัก

แต่ในระยะหลัง เมื่อเวลาผ่านไปนานสามปี ที่ถือว่า “หมดเวลาแก้ตัว” ทุกอย่างย่อมสะท้อนจากความจริงตรงหน้า โดยเฉพาะเรื่องหลักคือเรื่อง “ปากท้อง” ยังแก้ไม่ตก มันก็ย่อมบั่นทอนความเชื่อมั่นลงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็พิสูจน์ได้จากผลสำรวจที่ออกมาล่าสุด สะท้อนออกมาให้เห็นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลกำลังอยู่ในช่วง “ทรงตัว” ซึ่งลักษณะทรงตัวนี่แหละถือว่าน่าจับตา ความหมายก็คือ กำลังจะเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” แล้ว

ที่บอกว่าอันตราย เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไข “เผด็จการทหาร” อยู่เต็มร้อย ที่ตามหลักการเสถียรภาพด้วย “ความศรัทธา” เท่านั้น และเมื่อใดก็ตามที่ต้นเหตุทำให้ต้นทุนความศรัทธาดังกล่าวค่อยๆ หดหายลงไป มันก็จะเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” ทันที แล้วดีไม่ดีจะ “ลงแบบรวดเร็ว” แบบคาดไม่ถึง ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะกรณี “สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ” หรือเกิดเรื่องที่ “อ่อนไหว” แบบต่อเนื่อง อย่างกรณีจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” จากจีน จำนวน 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท โดยหัวขบวนที่เดินเรื่อง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่นเอง

จะว่าไปแล้วปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ นั่นเพราะ “ภาพลักษณ์” ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ คือปัญหา แม้ว่ากรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำนาทีนี้ ยังมองไม่เห็นในเรื่องของการทุจริต “ค่านายหน้า” ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งเสียงวิจารณ์ในเรื่องความจำเป็นในด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง แม้จะมีแต่ก็ยังไม่มากเท่ากับความหวาดระแวงจากการจัดซื้ออาวุธของกองทัพจนเกิดเป็นภาพหลอนมาจนถึงบัดนี้ และโดยเฉพาะ “ความหวาดระแวงแบบองค์รวม” ที่สะสมมานานจากเครือข่ายที่อยู่รอบตัวของ “พี่ใหญ่” คนนี้มาอย่างต่อเนื่อง ที่ครอบคลุมอย่างกว้างในทุกวงการ

ขณะเดียวกัน จะด้วยวิธีการผลักดันเพื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติ (หรือแค่รับทราบ) ก็เต็มไปด้วยลักษณะที่เรียกว่า “มุบมิบ” รวบรัดจนกระทั่งปิดกันไม่มิดนั่นแหละจึงค่อยๆ แย้มให้ทราบด้วยข้ออ้างในเรื่อง “ชั้นความลับ” ซึ่งนั่นแหละที่กระพือเสียงวิจารณ์กันในวงกว้างมากขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อย่างไรก็ดี ในเรื่องร้ายก็มีความโชคดีปะปนเข้ามาบ้าง เมื่อมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ผสมโรง” ฉวยโอกาสอาศัย “ลูกมั่ว” เข้ามาวิจารณ์โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำดังกล่าวโดยเปรียบมูลค่าในผลประโยชน์ที่อ้างว่า “ถึงมือชาวบ้าน” เมื่อเทียบกับความเสียหายจากโครงการ “รับจำนำข้าว” และด้วย “ตรรกะอุบาทว์” แบบนี้แหละ ทำให้แรงกระแทกที่ตอนแรกน่าจะไปได้แรง และต่อเนื่อง กลับค่อยๆ ผ่อนลงปัจจุบันทันด่วน จากเธอนี่แหละ เพราะชาวบ้านเขาแยกออกว่า นี่มันฉวยโอกาสผสมโรงมั่ว เป็นการทำลายน้ำหนักแบบน่าโมโหที่สุด

แต่ถึงอย่างไร กรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่ส่งมาถึงอย่างชัดเจนที่สุดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และเชื่อว่านับจากนี้ จากปัญหา “ปากท้อง” ที่ยังแก้ไม่ตก และเชื่อว่า จนจบโรดแมปก็ยังไม่คลี่คลาย มันก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิด “ขาลง” อย่างเร็ว เว้นเสียแต่ว่าจะ “สลัดตัวถ่วง” ออกไป แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะในทางการเมืองอีกด้านหนึ่งมันอาจเป็นความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพราะเบี่ยงเบนแรงกระแทกไม่ให้เข้ามาถึงตัวโดยให้พุ่งไปทาง “สายล่อฟ้าแทน” ก็เป็นได้ แต่นั่นแหละ มันก็อันตรายหากบริหารจัดการไม่ดีพอ มันก็อาจเกิดอุบัติเหตุจนล้มคว่ำได้เหมือนกัน

เพราะหากจัดการได้ไม่ดี เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่เป็นช่วงขาลงแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็ผิดไปหมด ก็จบเกม!
กำลังโหลดความคิดเห็น