รองหัวหน้า ปชป.เผยพรรคฟังคำเตือน “พิเชษฐ” แต่เชื่อ กปปส.คงไม่ครอบงำพรรค เหตุเปลี่ยนเป็นมูลนิธิแล้วมุ่งทำประโยชน์ส่วนรวมแทน “สุเทพ” ก็ประกาศวางมือแล้ว มองเรื่องปกติสมาชิกพรรคเป็นแกนนำ กปปส. แยกบทบาทได้ ชี้ ปชช.ดูที่อุดมการณ์ ยันไม่มีคุยถึงเปลี่ยนหัวหน้าพรรค
วันนี้ (30 เม.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เตือนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องระวังกลุ่ม กปปส.ที่พยายามครอบงำพรรคและต้องการเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า นายพิเชษฐเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของพรรค ดังนั้นเราพร้อมรับฟังคำเตือนใดๆ ของนายพิเชษฐอยู่แล้ว แต่ กปปส.คงไม่เข้ามาครอบงำพรรคประชาธิปัตย์ เพราะกลุ่มนี้ที่เปลี่ยนเป็นมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยมีบทบาทในตอนนี้ไปในทางที่เน้นการทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนร่วม อาทิ การสร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกับเปิดรับสมัครคนเข้าเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการมากลับมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และไม่กลับมาทำงานการเมืองในลักษณะของการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือการจัดตั้งพรรคการเมืองอีก ดังนั้น นายสุเทพคงไม่มีส่วนร่วมในการครอบงำพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน
เมื่อถามถึงการที่มีอดีตแกนนำ กปปส.หลายคนยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานการเมืองกับพรรคอยู่ นายองอาจกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะอดีตแกนนำ กปปส.หลายคนเป็นอดีต ส.ส.ของพรรค ตนจึงคิดว่าคนเหล่านี้สามารถทำหน้าที่ได้ 2 บทบาท คือ การเป็นสมาชิกพรรค และการทำงานในมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ต่อข้อถามว่า กปปส.อาจถือว่ามีมวลชนอยู่ในมือได้หรือไม่ เพราะมวลชนกลุ่มนี้เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย นายองอาจ กล่าวว่า เรื่องของมวลชนเป็นดุลพินิจของประชาชนที่จะพิจารณาอย่างไร ตนคิดว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พิจารณาและมีส่วนร่วมกับพรรคตามอุดมการณ์มากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าตอนนี้ภายในพรรคยังไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่มีการความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะส่งสัญญาณว่า กปปส.จะมาครอบงำพรรค แต่เรายังทำงานไปตามปกติเท่าที่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดโอกาส ขณะเดียวกันไม่ได้มีปัญหาอะไรในพรรคที่จะกระทบกับการทำงานของพรรค อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่าเมื่อใดที่ยกเลิกคำสั่ง คสช.แล้ว พรรคจะสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ตามปกติเพื่อเตรียมตัวปฏิบัติให้เป็นไปตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข